วิชาความถน ัดทางคณ ิตศาสตร (PAT 1)

และประพจน p ↔r มีค าความจร ิงเป นจริง ประพจน ในข อใดมีค ... 55 zi − = −...

2 downloads 308 Views 394KB Size
วิชาความถนัดทางคณิตศาสตร (PAT 1) สอบวันเสารที่ 3 กรกฎาคม 2553 เวลา 13.00 – 16.00 น. ตอนที่ 1 แบบปรนัย 4 ตัวเลือกจํานวน 25 ขอ (1 - 25) ขอละ 5 คะแนน 1. กําหนดให p, q, r และ s เปนประพจน ที่ประพจน ( p ∨ q) → (r ∨ s ) มีคาความจริงเปนเท็จ และประพจน p ↔ r มีคาความจริงเปนจริง ประพจนในขอใดมีคาความจริงเปนจริง 1. (q → p) ∧ (q → r ) 2. q → [ p ∨ (q ∧ ~ r )] 4. (r ↔ s ) ∧ [ q → ( p ∧ r )] 3. ( p → s) ↔ (r ↔ q) 2. กําหนดเอกภพสัมพัทธ คือ { − 1, 0, 1 } ขอใดตอไปนี้ถูกตอง 1. ∀x∀y [ x + y + 2 > 0] มีคาความจริงเปนจริง 2. ∀x∃y [ x + y ≥ 0] มีคาความจริงเปนเท็จ 4. ∃x∃y [ x + y > 1 ] มีคา ความจริงเปนเท็จ 3. ∃x∀y [ x + y = 1 ] มีคาความจริงเปนเท็จ 3. ให A = {φ , {φ}, {φ , {φ}}} และ P( A) เปนเพาเวอรเซตของเซต A ขอใดตอไปนี้ถูกตอง 2. จํานวนสมาชิกของ P( A) − {φ , {φ}} เทากับ 7 1. จํานวนสมาชิกของ P( A) เทากับ 16 4. {φ , {φ}, {{φ}}} ⊂ P( A) 3. {φ , {φ , {φ}}} ⊂ P( A) − {φ , {φ}} ⎧

4. ให R แทนเซตของจํานวนจริง ถา A = ⎪⎨ x ∈ R ⎪⎩

1 2 1. ⎛⎜ , ⎞⎟ 3 3 ⎝



1 2. ⎛⎜ , 1⎞⎟ 3 ⎝



⎫⎪ 1− x − 2 > 1 ⎬ แลว A ∩ [0, 1) x+ x −3 ⎪⎭ 2 3. ⎛⎜ , 1⎞⎟ 4. ⎝3 ⎠

เทากับขอใดตอไปนี้ ⎛2 3⎞ ⎜ , ⎟ ⎝3 2⎠

5. ให f และ g เปนฟงกชัน ซึ่งมีโดเมนและเรนจเปนสับเซตของเซตของจํานวนจริง x+3 −6 x และ ( f −1 g )( x) = ถา g (a) = 2 แลว a อยูในชวงใดตอไปนี้ x −1 x+6 2. [1, 3) 3. [3, 5) 4. [5, 7) 1. [−1, 1)

โดยที่ f ( x) =

6. กําหนดให x เปนจํานวนจริง ถา arcsin x = 1 1. ⎛⎜ 0, ⎞⎟ 2 ⎝



⎛1

π

π

แลวคาของ sin ⎛⎜ + arccos ( x 2 ) ⎞⎟ อยูในชวงใด 4 ⎝ 15 ⎠

1 ⎞

2. ⎜ , ⎟ ⎝2 2⎠

⎛ 1 3⎞ , ⎟⎟ ⎝ 2 2 ⎠

3. ⎜⎜

⎛ 3 ⎞ , 1⎟⎟ 2 ⎝ ⎠

4. ⎜⎜

7. ในรูปสามเหลี่ยม ABC ใด ๆ ถา a, b และ c เปนความยาวของดานตรงขามมุม A มุม B และมุม C ตามลําดับ แลว

1 1 1 cos A + cos B + cos C เทากับขอใดตอไปนี้ a b c 2 2 2 a +b +c (a + b + c)2 (a + b + c)2 1. 2. 3. abc 2abc 2abc

4.

a 2 + b2 + c2 abc

8. กําหนดวงกลมรูปหนึ่งมีจุดปลายของเสนผานศูนยกลางอยูบนจุดศูนยกลางและจุดโฟกัสดานหนึ่งของไฮเพอรโบลา 9 x 2 − 16 y 2 − 90 x + 64 y + 17 = 0 แลววงกลมดังกลาวมีพื้นที่เทากับขอใดตอไปนี้ 1.

25π ตารางหนวย 4

2.

25π ตารางหนวย 2

3. 4π ตารางหนวย

4. 5π ตารางหนวย

ˆ เปนมุมฉาก และดานตรงขามมุมฉากยาว 10 หนวย ถาพิกัดของจุด A และจุด B 9. รูปสามเหลี่ยม ABC มีมุม ABC คือ (−4, 3) และ (−1, 2) ตามลําดับ แลวสมการเสนตรงในขอใดผานจุด C 1. x + 8 y − 27 = 0 2. 8 x + y − 27 = 0 3. 4 x − 5 y + 3 = 0 4. −5 x + 4 y + 3 = 0

10. พิจารณาขอความตอไปนี้ 3

ข. log 2 ⎛⎜ ⎞⎟ < log 3 ⎛⎜ ⎞⎟ ⎝8⎠ ⎝2⎠

4

3

ก. 2 2 < 3 3 ขอใดตอไปนี้ถูกตอง 1. ก. ถูก และ ข. ถูก

2. ก. ถูก แต ข ผิด

1

3. ก. ผิด แต ข. ถูก

11. ถา A เปนเซตคําตอบของสมการ 32 x + 2 − 28(3x ) + 3 = 0 และ B เปนเซตคําตอบของสมการ log x + log( x − 1) = log( x + 3) แลวผลบวกของสมาชิกทั้งหมดในเซต A ∪ B เทากับขอใดตอไปนี้ 1. 1 2. 2 3. 3

4. ก. ผิด และ ข. ผิด

4. 4

⎡0 1⎤ ⎡1 1 ⎤ ⎡1 −1⎤ , B และ C คาของ det ( 2 At + BC 2 + Bt C ) = = ⎥ ⎢ ⎥ ⎢ ⎥ ⎣0 1⎦ ⎣0 0 ⎦ ⎣0 2 ⎦

12. กําหนดให A = ⎢

เทากับขอใดตอไปนี้ 1. – 1

2. 0

3. 2

4. 6

13. ถา sin15 และ cos15 เปนคําตอบของสมการ x 2 + ax + b = 0 แลว คาของ a 4 − b เทากับขอใดตอไปนี้ 1. – 1 2. 1 3. 2 4. 1 + 3 2 14. กําหนดให x เปนจํานวนจริงบวกที่สอดคลองกับสมการ 35 x ⋅ 9 x = 27 และ y = 2

(log 2 3)(log 4 5)(log 6 7) (log 4 3)(log 6 5)(log8 7)

คาของ x y เทากับขอใดตอไปนี้ 1. −

1 8

2.

1 8

3. −27

4. 27

3 4 5 5

15. ให z1 และ z2 เปนจํานวนเชิงซอน ถา z1−1 = − i เมื่อ i 2 = − 1 และ 5 z1 + 2 z2 = 5 แลว z2 เทากับขอใดตอไปนี้ 1. 3 − 2 i

2. 3 + 2 i

3.

1− 2i

4.

1+ 2i

16. กําหนด u และ v เปนเวกเตอร โดยที่ u = i + 3 j , v = 3 และ u − v = 4 คาของ u + v เทากับขอใดตอไปนี้ 1.

6

2.

3.

10

4. 4

13

17. กําหนดให x, y, z เปนลําดับเรขาคณิต มีอัตราสวนรวมเทากับ r และ x ≠ y ถา x, 2 y, 3z เปนลําดับเลขคณิต แลว คา r เทากับขอใดตอไปนี้ 1.

1 4

2.

1 3

3.

1 2

4. 2

18. กําหนดให R แทนเซตของจํานวนจริง ถา f : R → R เปนฟงกชัน โดยที่ f ( x) = ax + b เมื่อ a, b เปนจํานวนจริง ถา f เปนฟงกชันลด และ f ( f ( f ( f ( x)))) = 16 x + 45 แลวคาของ a + b เทากับขอใดตอไปนี้ 1. – 11 2. – 5 3. 11 4. 5 ⎧ x3 − 1 ⎪ ⎪ x −1 19. กําหนดให a และ b เปนจํานวนจริง และให f เปนฟงกชัน โดยที่ f ( x) = ⎪⎨ ax + b ⎪ 5 ⎪ ⎪⎩ ถา f เปนฟงกชันตอเนื่องบนชวง (−1, ∞) แลวคาของ ab เทากับขอใดตอไปนี้

1.

5 4

2. −

7 4

3. 15

; −1 < x < 1 ; 1≤ x < 5 ; x≥5

4. −10

20. ถาคะแนนสอบวิชาคณิตศาสตรของนักเรียน 30 คน มีคะแนนเฉลี่ยเลขคณิตเทากับ 60 คะแนน และมีสวนเบี่ยงเบน มาตรฐานเทากับ 10 ถาผลรวมของคามาตรฐานของคะแนนของนักเรียนกลุมนี้เพียง 29 คน เทากับ 2.5 แลวนักเรียนอีก 1 คนที่เหลือสอบไดคะแนนเทากับขอใดตอไปนี้ 1. 35 2. 58 3. 60 4. 85 21. มีนักเรียน 5 คน รวมกันบริจาคเงิน ไดเงินรวม 360 บาท ความแปรปรวน (ประชากร) เทากับ 660 ถามีนักเรียนเพิ่มอีก 1 คน มารวมบริจาคเปนเงิน 60 บาท ความแปรปรวน จะเพิ่มขึ้นหรือลดลงตรงกับขอใดตอไปนี้ 1. เพิ่มขึ้น 80 2. เพิ่มขึ้น 90 3. ลดลง 80 4. ลดลง 90 22. ในการทอดลูกเตา 2 ลูกพรอม ๆ กัน ความนาจะเปนที่ผลรวมของหนาลูกเตาทั้งสองเทากับ 7 หรือผลคูณของหนาลูกเตา ทั้งสองเทากับ 12 เทากับขอใดตอไปนี้ 1.

1 18

2.

1 6

3.

1000

23. กําหนดใหอนุกรมตอไปนี้ A = ∑ (−1) , k

k =1

คาของ A + B + C + D เทากับขอใดตอไปนี้ 1. 7,917 2. 7,919

B=

20

∑k

2

,

2 9

C=

k =3

4. 100

∑ k, k =1

3. 7,920



4 9

⎛1⎞ D = ∑ 2⎜ ⎟ k =1 ⎝ 2 ⎠

k

4. 7,922

24. กําหนด a = 248 , b = 336 และ c = 524 ขอใดตอไปนี้ถูกตอง 1.

1 1 1 > > b c a

2.

1 1 1 > > a b c

3.

1 1 1 > > b a c

4.

1 1 1 > > a c b

25. พิจารณาการจัดเรียงลําดับของจํานวนคี่ 1, 3, 5, 7, 9, ... ในตารางดังตอไปนี้ แถวที่ แถวที่ แถวที่ แถวที่ แถวที่

1 2 3 4 5

1 3 7 13

5 9

15

11 17

19

จากตารางจะเห็นวา จํานวน 15 อยูในตําแหนงที่ 2 (จากซาย) ของแถวที่ 4 อยากทราบวา จํานวน 361 จะอยูตําแหนงใดในแถวที่เทาใด 1. ตําแหนงที่ 9 (จากซาย) ของแถวที่ 18 2. ตําแหนงที่ 10 (จากซาย) ของแถวที่ 19 3. ตําแหนงที่ 11 (จากซาย) ของแถวที่ 20 4. ตําแหนงที่ 12 (จากซาย) ของแถวที่ 21

ตอนที่ 2 แบบระบายตัวเลข จํานวน 25 ขอ (26 - 50) ขอละ 7 คะแนน 26. ในการสอบวิชาภาษาไทย วิชาภาษาอังกฤษ และวิชาคณิตศาสตร ของโรงเรียนแหงหนึ่งมีนักเรียนเขาสอบทั้งหมด 66 คน ปรากฏวามีนักเรียนที่สอบตกทั้งสามวิชาจํานวน 13 คน นักเรียนที่สอบไดทั้งสามวิชามีจํานวน 17 คน นักเรียนที่สอบได วิชาภาษาไทยและวิชาภาษาอังกฤษแตสอบตกวิชาคณิตศาสตรมีจํานวน 10 คน นักเรียนที่สอบไดวิชาภาษาไทยและวิชา คณิตศาสตรแตสอบตกวิชาภาษาอังกฤษมีจํานวน 11 คน นักเรียนที่สอบไดเพียงวิชาเดียว มีจํานวน 6 คน จํานวนนักเรียน ที่สอบไดวิชาภาษาอังกฤษและวิชาคณิตศาสตร เทากับเทาใด __________

{

27. ให R แทนเซตของจํานวนจริง ถา S = x ∈ R

x + 1 + 3x − 1 = 7 x − 1

}

และ T = { y ∈ R y = 3x + 1, x ∈ S } แลวผลบวกของสมาชิกใน T เทากับเทาใด __________ 28. ให R แทนเซตของจํานวนจริง ถา f1 , f 2 , f3 , f 4 , g และ h เปนฟงกชันจาก R ไปยัง R โดยที่ f1 ( x) = x + 1,

f 2 ( x) = x − 1,

f3 ( x) = x 2 + 4,

f 4 ( x) = x 2 − 4

( f1 g )( x) + ( f 2 h)( x) = 2 และ ( f 3 g )( x) − ( f 4 h)( x) = 4 x

คาของ ( g h)(1) เทากับเทาใด __________ 44

29. คาของ

∑ cos n n =1 44

∑ sin n n =1

44



∑ sin n n =1 44

∑ cos n n =1

เทากับเทาใด __________

⎡5a

30. ให a, b, c, d เปนจํานวนจริง ถา 3 ⎢

⎣2

c

⎡ 5a b⎤ 6⎤ ⎡ 4 = ⎥ ⎢ ⎥+⎢ c d⎦ ⎣ d − 1 3⎦ ⎣ 2

5a + b ⎤ ⎥ 2d ⎦

แลว คาของ b + c เทากับเทาใด ___________ ⎡a b ⎤ 2 −1 ⎥ โดยที่ det A = t ≠ 0 และ det ( A + t A ) = 0 c d ⎣ ⎦

31. ให a, b, c, d , t เปนจํานวนจริง ถา A = ⎢

แลวคาของ det ( A − t 2 A−1 ) เทากับเทาใด ___________

32. กําหนดให u = 2 i − 5 j และ v = i + 2 j ให w เปนเวกเตอร โดยที่ u ⋅ w = − 11 และ v ⋅ w = 8 ถา θ เปนมุมแหลมที่เวกเตอร w ทํามุมกับเวกเตอร 5i + j แลว tan θ + sin 2θ เทากับเทาใด ___________ n

⎛ 2 i 2⎞ 2 + 33. ถา n เปนจํานวนเต็มบวกที่นอยที่สุดที่ทําให ⎜⎜ ⎟⎟ = 1 เมื่อ i = −1 2 2 ⎝ ⎠ แลว n มีคาเทากับเทาใด ___________

34. ให {an } เปนลําดับของจํานวนจริง โดยที่ a1 + a2 + a3 + ... + an = n 2 an สําหรับ n = 1, 2, 3, ... ถา a1 = 100 แลว lim n 2 an มีคาเทากับเทาใด ___________ n →∞ 35. กําหนดให β เปนจํานวนจริง และให {an } เปนลําดับของจํานวนจริงที่ นิยามโดย an =

βn −7 n+2

สําหรับ

n = 1, 2, 3, ... ถาผลบวก 9 พจนแรกมีคามากกวาผลบวก 7 พจนแรกของลําดับ {an } เปนจํานวนเทากับ a108 an มีคาเทากับเทาใด ___________ แลว lim n →∞

36. โรงงานผลิตตุกตาแหงหนึ่ง มีตนทุนในการผลิตตุกตา x ตัว โรงงานจะตองเสียคาใชจาย x3 − 450 x 2 + 60, 200 x + 10, 000 บาท ถาขายตุกตาราคาตัวละ 200 บาท โรงงานจะตองผลิตตุกตากี่ตัว จึงจะไดกําไรมากที่สุด ___________ 37. กําหนดให f ( x) เปนฟงกชันพหุนามกําลังสอง ถาความชันของเสนสัมผัสเสนโคง y = f ( x) ที่จุด (1, 2) มีคาเทากับ 4 และ

2

∫ f ( x) dx = 12

แลว f (−1) + f ′′(−1) มีคาเทากับเทาใด ___________

−1

38. กําหนดให h( x) = f ( x) g ( x) โดยที่ความชันของเสนสัมผัสเสนโคง y = f ( x) ที่จุด ( x, y ) เทากับ 2 − 2 x และเสนสัมผัสเสนโคง y = f ( x) มีคาสูงสุดสัมพัทธเทากับ 5 ถา g เปนฟงกชันพหุนาม ซึ่งมีสมบัติ g (2) = g ′(2) = 5 แลว h′(2) มีคาเทากับเทาใด ___________

2

2

1 1 39. กําหนดให an = 1 + ⎛⎜1 + ⎞⎟ + 1 + ⎛⎜1 − ⎞⎟ สําหรับ n = 1, 2, 3, ... ⎝ n⎠ ⎝ n⎠ 1 1 1 1 เทากับเทาใด ___________ + + +…+ คาของ a1 a2 a3 a20 k (n5 + n) + 3n 4 + 2 12 ⎛2⎞ = 15 + 6 + + ... + 15 ⎜ ⎟ 40. ให k เปนคาคงที่ และถา lim 5 n →∞ (n + 2) 5 ⎝5⎠ แลว k มีคาเทากับเทาใด ___________

n −1

+ ...

41. ขอสอบปรนัย 20 ขอ คะแนนเต็ม 50 คะแนน โดยกําหนดขอ 1 – 10 ขอละ 4 คะแนน ขอ 11 – 20 ขอละ 1 คะแนน ถาหากนักเรียนตอบขอใดถูกตอง จะไดคะแนนเต็มของขอนั้น แตถาตอบผิดหรือไมตอบ จะไดคะแนน 0 คะแนน จะมีกี่วิธี ที่นักเรียนคนหนึ่ง จะทําขอสอบชุดนี้ไดคะแนนรวม 45 คะแนน ___________ 42. กําหนดให A = { 1, 2, 3, ..., 9, 10 } จงหาจํานวนสับเซตของ A ทั้งหมดที่ประกอบดวยสมาชิก 8 ตัวที่แตกตางกัน โดยที่ ผลรวมของสมาชิกทั้ง 8 ตัว เปนพหุคูณของ 5 ___________ 43. ในการสอบวิชาคณิตศาสตรของนักเรียนหองหนึ่ง ถานักเรียนคนหนึ่งในหองนี้สอบได 55 คะแนน คิดเปนคะแนนมาตรฐาน ไดเทากับ 0.5 และสัมประสิทธิ์ของการแปรผัน (coefficient of variation) ของคะแนนนักเรียนหองนี้ เทากับ 20% คะแนนเฉลี่ยของนักเรียนหองนี้เทากับเทาใด ___________ 44. สรางตารางแจกแจงความถี่ของคะแนนสอบของนักเรียนกลุมหนึ่ง โดยใหความกวางของแตละอันตรภาคชั้นเปน 10 แลว ปรากฏวามัธยฐานของคะแนนการสอบเทากับ 57 คะแนนซึ่งอยูในชวง 50 – 59 ถามีนักเรียนที่สอบไดคะแนนต่ํากวา 49.5 คะแนน อยูจํานวน 12 คน และมีนักเรียนไดคะแนนต่ํากวา 59.5 คะแนน อยูจํานวน 20 คน จงหาวานักเรียนกลุมนี้ มีทั้งหมดกี่คน ___________ 45. กําหนดจุด 10 จุด โดยที่ระยะหางระหวางจุดเทา ๆ กัน ดังรูป

จะตองลบจุดออกจากภาพอยางนอยที่สุดกี่จุด เมื่อลบออกจากภาพแลวไมมีสามจุดใด ๆ (ที่เหลือ) เปนจุดยอดของ สามเหลี่ยมดานเทา ___________ 46. ใหเติมจํานวนเต็มบวกลงในชองสี่เหลี่ยมโดยใหผลรวมของจํานวนในชองสี่เหลี่ยมสามชองที่ติดกัน เทากับ 18 7 คาของ x เทากับเทาใด ___________

x

8

47. จากตารางที่กําหนดให มีชองวางทั้งหมด 16 ชอง ดังรูป หลัก (ค) หลัก (ง) แถว (ก)

1

5

แถว (ข)

x

13

ใหเติมจํานวนเต็มบวก 1, 2, 3, ..., 16 ลงในชองสี่เหลี่ยมชองละ 1 จํานวน โดยใหผลบวกของจํานวนใน แตละแถว ((ก) และ (ข)) และในแตละหลัก ((ค) และ (ง)) มีคาเทา ๆ กัน ถาเติมจํานวนเต็มบวก 1, 5, 13 ดังปรากฏในตารางแลว จํานวน x ในตาราง เทากับเทาใด ___________ 48. ใหเติมจํานวนเต็มบวก 1, 2, 3, 4, 5 ลงในชองวางในตาราง 5 × 5 ตอไปนี้ 5 3

1

4 5 3

2

3 1 x

โดยที่ แตละแถวตองมีจํานวนเต็มบวก 1, 2, 3, 4 และ 5 แตละหลักตองมีจํานวนเต็มบวก 1, 2, 3, 4 และ 5 จํานวน x ในตาราง เทากับเทาใด ___________ 49. สําหรับ a และ b เปนจํานวนเต็มบวกใด ๆ กําหนดให a ⊗ b เปนจํานวนจริงที่มีสมบัติดังตอไปนี้ (ก) a ⊗ a = a + 4

(ข) a ⊗ b = b ⊗ a

คาของ (8 ⊗ 5) ⊗ 100 เทากับเทาใด ___________ 50. พิจารณาการจัดเรียงลําดับของจํานวน 2, 5, 8, 11, 14, ... ในตารางดังตอไปนี้ หลักที่ 1 23 47

หลักที่ 2 2 20 26 44

หลักที่ 3 5 17 29 41

หลักที่ 4 8 14 32 38

จํานวน 2012 อยูในหลักที่เทาใด ___________

หลักที่ 5 11 35

(ค)

a ⊗ ( a + b) a+b = a ⊗b b

เฉลยขอสอบ PAT 1 (3 ก.ค. 2553) ตอนที่ 1 ขอ ๑ ตอบ ๒ p ↔

และ

r

( p ∨

q ) →

F

T

F

F

q



[ p



( q

U = {−1,0,1}

เปนเท็จ

2. x = −1, y = 1; x = 0, y = 0; x = 1, y = −1

4.

F

T

ขอ ๒ ตอบ ๓

3.

s )

F

T

1. − 1 + (−1) + 2 = 0

(r ∨

เปนจริง

ไมมี x ที่ทําใหทุก y; x + y = 1 เปนเท็จ ให x = 1, y = 1; x + y > 1 เปนจริง

ขอ ๓ ตอบ ๓ A = {∅, {∅}, {∅,{∅}}}; n( A) = 3 1. ∴ n( P( A)) = 2 3 = 8 2. n( P ( A) − {∅,{∅}}) = 8 − 2 = 6 3. {∅, {∅}, {∅, {∅}}} ⊂ P( A) − {∅, {∅}} 4. {∅,{∅}, {∅, {∅}}} ∈ P( A)



F

F

 r)

ขอ ๔ ตอบ ๓ ⎧ ⎫ | 1 − x | −2 A = ⎨x ∈ R | > 1⎬ x + | x | −3 ⎭ ⎩

พิจารณา จะได

x ∈ [0,1) 1− x − 2 >1 x+ x−3 − ( x + 1) −1 > 0 2X − 3 x +1 +1 < 0 2x − 3 x + 1 + 2x − 3 <0 2x − 3 3x − 2 <0 2x − 3

+ 2 3

⎛2 3⎞ ⎛2 ⎞ ⎜ , ⎟ ∩ [0,1) = ⎜ ,1⎟ ⎝3 2⎠ ⎝3 ⎠

ขอ ๕ ตอบ ๓ x+3 ;f x+6

y+3 → xy + 6 x = y + 3 y+6 3 − 6x y= x −1 3 − 6 g ( x) − 6 x ( f −1og )( x) = f −1 ( g ( x)) = = g ( x) − 1 x −1 ถา g (a) = 2 แลว 3 − 6(2) = − 6a 2 −1 a −1 a=3 f =

−1

:x=

ขอ ๖ ตอบ ๔ จาก

arcsin x =

π 4

→ sin

π 4

=x→x=

1 2

2 ⎛π ⎛ 1 ⎞ ⎞⎟ ⎛π 2⎞ ⎜ + arccos⎜ sin ⎜ + arccos x ⎟ = sin ⎟ ⎜ 15 ⎝ 15 ⎠ ⎝ 2 ⎠ ⎟⎠ ⎝ ⎛π π⎞ = sin ⎜ + ⎟ ⎝ 15 3 ⎠ = sin(12o + 60o )

จะเห็นวา ดังนั้น

= sin 72o sin 60 < sin 72 < sin 90

3 < sin 72 < 1 2

-

+ 3 2

ขอ ๗ ตอบ ๑ จากกฎของโคไซน

(

)

(

)

(

1 1 1 1 b2 + c2 − a2 1 a2 + c2 − b2 1 a2 + b2 − c2 + + cos A + cos B + cos C = a b c a 2bc b 2ac c 2ab 2 2 2 2 2 2 2 2 2 b +c −a +a +c −b +a +b −c = 2abc 2 2 2 a +b +c = 2abc

ขอ ๘ ตอบ ๑

(

)

(

)

)

9 x 2 − 10 x + 25 − 16 y 2 − 4 y + 4 = −17 + 225 − 64

( x − 5)

2



( y − 2)

2

=1 16 9 c 2 = 16 + 9 = 25 →∴ c = 5

จะได วงกลมที่มีจุดปลายของจุดศูนยกลางอยูที่จุดศูนยกลางไฮเพอรโบลาและจุดโฟกัสจุดหนึ่งของไฮเพอรโบลาจะมีรัศมียาว เทากับ 5 หนวย 2

ดังนั้น พืน้ ทีว่ งกลม

2

25π ⎛5⎞ = πr = π ⎜ ⎟ = 4 ⎝2⎠ 2

ตารางหนวย

ขอ ๙ ตอบ ๒ C(x,y) 10 AB ⊥ BC ⎛ y − 2 ⎞⎛ 3− 2 ⎞ ∴⎜ ⎟⎜ ⎟ = −1 ⎝ x + 1 ⎠ ⎝ −4 + 1 ⎠ y = 3x + 5

(x + 4)2 + ( y − 3)2 = 10 2 (x + 4)2 + (3x + 2)2 = 100 10 x 2 + 20 x + 20 = 100 x 2 + 2x − 8 = 0 (x + 4)(x − 2) = 0 ∴ x = 2 → y = 11(8(2) + 11 − 27 = 0)

A(-4,3) B(-1,2)

ขอ ๑๐ ตอบ ๑ 3 2

9 6

4 3

8 6

( ) ก. 3 = 3 = (3 ) ∴ (3 ) > (2 ) 2 = 2 = 29

1 8 6

3 = log 2 3 − log 2 8 = log 2 3 − 3 8 1 log 3 = log 3 1 − log 3 2 = 0 − log 3 2 2 ∴ log 2 3 − 3 < − log 3 2

1 6

log 2

1 8 6

ข.

1 9 6

ถูก

ถูก

ขอ ๑๑ ตอบ ๒ 32 ⋅ 32 x − 28 ⋅ 3x + 3 = 0

(9 ⋅ 3

x

− 1)( 3x − 3) = 0

1 3x = ,3x = 3 9 ∴ x = −2, x = 1 A = {−2,1} log x + log( x − 1) = log( x + 3); x > 0, x > 1, x > −3 x( x − 1) = x + 3; x > 1 x2 − 2 x − 3 = 0 ( x − 3)( x + 1) = 0 ∴ x = 3; x ≠ 1, x > 1 B = {3} ∴ A ∪ B = {−2,1,3}

ขอ ๑๒ ตอบ ๒ 0 0 ⎡0 1⎤ A=⎢ , At = ⎡⎢ ⎤⎥ ⎥ ⎣0 1⎦ ⎣1 1 ⎦ ⎡1 − 1⎤ ⎡1 − 1⎤ ⎡1 − 3⎤ C2 = ⎢ ⎥ ⎥=⎢ ⎥⎢ ⎣ 0 2 ⎦ ⎣0 2 ⎦ ⎣ 0 4 ⎦ ⎡1 1⎤ ⎡1 − 3⎤ ⎡1 1⎤ BC 2 = ⎢ ⎥⎢ ⎥=⎢ ⎥ ⎣0 0 ⎦ ⎣0 4 ⎦ ⎣0 0 ⎦ ⎡1 0⎤ ⎡1 − 1⎤ ⎡1 − 1⎤ BtC = ⎢ ⎥⎢ ⎥=⎢ ⎥ ⎣1 0⎦ ⎣0 2 ⎦ ⎣1 − 1⎦ ⎡ 2 0⎤ 2 A t + BC 2 + B t C = ⎢ ⎥ ⎣3 1⎦ ∴ det 2 A 2 + BC 2 + B t C = 2 − 0 = 2

(

)

,

⎡0 0 ⎤ 2 At = ⎢ ⎥ ⎣ 2 2⎦

ขอ ๑๓ ตอบ ๓ จาก x 2 + ax + b = 0

(x − sin 15 )(x − cos15 ) = 0 x − (sin 15 + cos15 )x + sin 15 o

2

o

o

o

o

cos15 o = 0

∴ a = sin 15 o + cos15 o ; b = sin 15 o cos15 o 1 o sin 30 1 a 2 = 1 + 2 sin 15 o cos15 o ; b = = 2 = 2 2 4

= 1 + sin 30 o 1 = 1+ 2 3 = 2 2

1 8 ⎛3⎞ a −b = ⎜ ⎟ − = = 2 4 4 ⎝2⎠ 4

ขอ ๑๔ ตอบ ๒ 2

2

35 x ⋅ 9 x = 27 → 35 x ⋅ 32 x = 33

และ

x>0

2 x2 + 5x − 3 = 0

( 2 x − 1)( x + 3) = 0 1 x = ; x = −3 2 1 ∴x = 2 log 3 log 5 log 7 ⋅ ⋅ log 2 log 4 log 6 log 8 = = log 2 8 = 3 y= log 3 log 5 log 7 log 2 ⋅ ⋅ log 4 log 6 log 8 3

⎛1⎞ 1 x =⎜ ⎟ = ⎝2⎠ 8 y

ขอ ๑๕ ตอบ ๔ Z 1−1 =

3 4 3 4 − i → Z1 = + i 5 5 5 5

⎛3 4 ⎞ 5Z 1 + 2 Z 2 = 5 → 2 Z 2 = 5 − 5⎜ + i ⎟ ⎝5 5 ⎠ = 2 − 4i Z 2 = 1 − 2i

Z 2 = 1 + 2i

ขอ ๑๖ ตอบ ๒ 2

2

2

u − v = u − 2u v + v = 16 2

2

u = 4, v = 9 ∴ 4 − 2u v + 9 = 16 2u v = −3 2

2

2

u + v = u + 2u v + v = 4 − 3 + 9 = 10 ∴ u + v = 10

ขอ ๑๗ ตอบ ๒ x, y, z เปนลําดับเรขาคณิต

x≠ y

y y , y, yr เปนลําดับเรขาคณิต ∴ x = , z = yr r r จาก x,2 y,3z เปนลําดับเลขคณิต y ∴ 2 y − = 3 yr − 2 y r y 4 y = 3 yr + r 2 3r − 4r + 1 = 0 (3r − 1)(r − 1) = 0 1 ∴ r = ,1 3

ถา

r =1 1 ∴r = 3

แลว

x= y

ขอ ๑๘ ตอบ ๑ f ( x) = ax + b

และ

f

เปนฟงกชันลด จะได

a<0

f ( f ( f ( f ( x)))) = a 4 x + a 3b + a 2 b + ab + b = 16 x + 45 a 4 = 16 a = −2

และ

a 3b + a 2 b + ab + b = 45 − 5b = 45 b = −9

a + b = −2 + (−9) = −11

ขอ ๑๙ ตอบ ๔ ตอเนื่องบน (− 1, ∞ ) จะได

∵f

1.) lim− f ( x) = f (1) → lim− x →1

x3 −1

x →1

(x

x −1

= a+b

)

−1 = a + b → −(1 + 1 + 1) = a + b x →1 x −1 a + b = −3 → (1) 2.) lim− = f (5) → 5a + b = 5 → (2) lim− −

3

x →5

(2) − (1) → 4a = 8 a=2 b = −5

ab = 2(− 5) = −10

ขอ ๒๐ ตอบ ๑ 30

∑Z i =1

i

= 0 ∴ Z 30 = −2.5 x − 60 10 x = 60 − 10(2.5) = 35

− 2.5 =

ขอ ๒๑ ตอบ ๔ จากสูตร

σ

2

∑X =

660 =

2 i

N ∑ X i2

5

−µ

2

2

5 ⎛ 360 ⎞ −⎜ ⎟ → ∑ X i = (660 + 5184 ) × 5 = 29220 ⎝ 5 ⎠ i =1

6

∴ ∑ X i = 29220 − 3600 = 32820 i =1

32820 − 70 2 = 5470 − 4900 = 570 6 ดังนัน้ ความแปรปรวนลดลง 660 − 570 = 90

σ2 =

ขอ ๒๒ ตอบ ๓ n( S ) = 6 × 6 = 36

,

E1 (ผลบวกเทากับ 7 ) = {16,61,25,52,34,43} E 2 (ผลคูณเทากับ 12 ) = {26,62,34,43}

E = E1 ∪ E 2 = {16,61,26,62,25,52,34,43} n( E ) = 8 ∴ P( E ) =

8 2 = 36 9

ขอ ๒๓ ตอบ ๑ 1000

A = ∑ (− 1) = 0 k

k =1

20

B = ∑k2 = k =3

100

C = ∑k = k =1

20(21)(41) − (12 + 2 2 ) = 2870 − 5 = 2865 6

100(101) = 5050 2

⎛ 1 ⎞ ⎜ ⎟ ⎛1⎞ 2 ⎜ ⎟=2 D = ∑ 2⎜ ⎟ = 2 ⎜1− 1 ⎟ k =1 ⎝ 2 ⎠ ⎜ ⎟ 2⎠ ⎝ A + B + C + D = 0 + 2865 + 5050 + 2 = 7917 k



ขอ ๒๔ ตอบ ๔

( ) = (3 ) = (5 )

a = 2 48 = 2 4 b = 336 c = 5 24

12

= 1612

3 12

= 2712

2 12

= 2512

∴a < c < b →

1 1 1 > > a b c

ขอ ๒๕ ตอบ ๒ จาก 1,3,5,7,9,...,361,... 361 = 1 + (n − 1)2 n=

361 − 1 + 1 = 181 2

ผลบวกของจํานวนในแตละแถว 1 + 2 + 3 + 4 + ... + n ≥ 181

19(20 ) = 190 2 18(19 ) n = 18 ⇒ = 171 2 ดังนั้น 361 อยูในแถวที่ 19 n = 19 ⇒

ตําแหนงที่

10

(จากซาย)

เฉลยขอสอบ PAT 1 (3 ก.ค. 2553) ตอนที่ 2 ขอ ๒๖ ตอบ ๒ T

U=66 M 11 17

X1

X2

10

Y 13

X3 E

( X 1 + X 2 + X 3 ) + 11 + 17 + 10 + Y = 66 − 13 6 + 38 + Y = 53 Y =9

ดังนั้นสอบไดอังกฤษและคณิตศาสตร

17 + 9 = 26

ขอ ๒๗ ตอบ ๒

(

) ( 2

x + 1 + 3x − 1 =

)

2

7x −1 ; x ≥

1 3

x + 1 + 3x − 1 + 2 3x 2 + 2 x − 1 = 7 x − 1

2 3x 2 + 2 x − 1 = 3x − 1

(

)

4 3x 2 + 2 x − 1 = 9 x 2 − 6 x + 1 3x 2 + 14 x − 5 = 0 ( 3x − 1)( x − 5) = 0 1 x = , x = −5 3 1 ⎛1⎞ y = 3x + 1; x = → y = 3⎜ ⎟ + 1 = 2 3 ⎝3⎠

ขอ ๒๘ ตอบ ๑

g ( x) + 1 + h( x) − 1 = 2 → g ( x) = 2 − h( x) − − − −− > (1)

(g ( x) )2 + 4 − (h( x) )2 + 4 = 4 x − − − −− > (2) แทนคา g ( x) = 2 − h( x) จาก (1) ในสมการ (2) (2 − h( x) )2 − (h( x) )2 + 8 = 4 x 2 2 4 − 4h( x) + (h( x) ) − (h( x) ) + 8 = 4 x 4h( x) = 12 − 4 x h( x ) = 3 − x g ( x) = 2 − 3 + x = x − 1 ∴ ( g h )(1) = g (h(1)) = g (3 − 1) = G (2) = 1

คน

ขอ ๒๙ ตอบ ๒ 44

∑ cos n

o

= cos1o + cos 2 o + cos 3o + ... + cos 44 o

n =1

45 o 2 45 o = 2 cos 2

43o 45 o 41o 45 o 1o cos cos + 2 cos + ... + 2 cos 2 2 2 2 2 o o o ⎛ 43 41 1 ⎞ ⎜⎜ cos + cos + ... + cos ⎟⎟ 2 2 2⎠ ⎝

= 2 cos

44

∑ sin n

cos

= sin 1o + sin 2 o + sin 3o + ... + sin 44 o

o

n =1

45 o 2 45 o = 2 sin 2

= 2 sin

43o 45 o 41o 45 o 1o cos cos + 2 sin + ... + 2 sin 2 2 2 2 2 o o o ⎛ 43 41 1 ⎞ ⎜⎜ cos + cos + ... + cos ⎟⎟ 2 2 2⎠ ⎝ cos

⎛ 45 45 ⎞ 45 45 45 45 − sin 2 2 ⎜ cos 2 ⎟ sin cos 2 − sin 2 2 2 ⎠ n =1 n =1 2 − 2 = 2 2 = ⎝ − = 44 44 45 45 45 45 45 45 o sin cos no n sin cos sin cos 2sin cos ∑ ∑ 2 2 2 2 2 2 n =1 n =1 2 cos 45 = = 2 cot 45 sin 45 = 2 44

∑ cos no

44

∑ sin n

o

cos

ขอ ๓๐ ตอบ ๔ ⎡3 ⋅ 5a 3b ⎤ ⎡ 5a + 4 ⎢ c ⎥=⎢ c ⎣3 ⋅ 2 3d ⎦ ⎣ d − 1 + 2 3d = 3 + 2d → d = 3

5a + b + 6 ⎤ ⎥ 3 + 2a ⎦

3 ⋅ 2c = 3 − 1 + 2c 2 ⋅ 2c = 2 → 2c = 1

3 ⋅ 5 a = 5 a + 4 → 5a = 2

∴c = 0

3b = 5a + b + 6 → 2b + 8 ∴b = 4 ∴b + c = 4 + 0 = 4

ขอ ๓๑ ตอบ 4 พิจารณาจากโจทย A + A−1 = 0 นั้น A นาจะเปนเมตริกซเสมือนสมมาตร (Skew symmetric matrix) โดยสมาชิกนอกแนวทแยงมุมหลัก เปน 1 นั่นคือ ⎡a b ⎤ ⎡ 0 1⎤ A=⎢ = ⎢ det A = 1 ≠ 0 ⎥ ⎥ ⎣c d ⎦ ⎣ −1 0 ⎦ 0 1⎤ 1 ⎡0 −1⎤ แทนคา A + t 2 A−1 = ⎡⎢ + (1) 2 = ⎥ (1) ⎢⎣1 0 ⎥⎦ ⎣ −1 0 ⎦ 0 1⎤ 1 ⎡0 −1⎤ ดังนั้นคาของ A − t 2 A−1 = ⎡⎢ − (1) 2 ⎥ (1) ⎢⎣1 0 ⎥⎦ ⎣ −1 0 ⎦

จะได

det( A − t 2 A−1 ) = 4

⎡0 0⎤ ⎢0 0 ⎥ จริง ⎣ ⎦ ⎡ 0 2⎤ = ⎢ ⎥ ⎣ −2 0 ⎦

At = − A

ขอ ๓๒ ตอบ ให

2

w = ai + b j u ⋅ w = 2a − 5b = −11

− − − − − − > (1)

v ⋅ w = a + 2b = 8

− − − − − − > ( 2)

2 × ( 2 ) : 2a + 4b = 16

− − − − − −− > ( 3)

(1) − ( 2 ) : −9b = −27 ∴ b = 3, a = 2 w = 2i + 3 j

,

w = 4 + 9 = 13

5i + j = 25 + 1 = 26 cos θ =

(

w ⋅ 5i + j w 5i + j

)=

10 + 3 13 1 = = 13 26 13 2 2

∴θ = 45o ∴ tan θ + sin 2θ = tan 45o + sin 90o = 1 + 1 = 2

ขอ ๓๓ ตอบ

8 n

n ⎛ 2 2⎞ π π ⎛ ⎞ ⎜ ⎟ ⎜ 2 + i 2 ⎟ = ⎜⎝ cos 4 + i sin 4 ⎟⎠ ⎝ ⎠

nπ nπ ⎞ ⎛ = ⎜ cos + i sin ⎟ =1 4 4 ⎠ ⎝ nπ nπ cos = 1 และ sin = 0 เมื่อ n = 8,16,24,... 4 4 ∴n = 8

ขอ ๓๔ ตอบ จาก

200

a1 + a 2 + a3 + ... + a n = n 2 a n

a1 3 a a1 + a 2 + a3 = 9a3 → a 3 = 1 6 a a1 + a2 + a3 + a4 = 16a4 → a4 = 1 10 i ∴ a1 + a 2 = 4a 2 → a 2 =

i i

จะได

a1 a1 a1 a + + + ... + 2 1 = n 2 a n 3 6 10 n +n 2 2 n a ∴ lim n 2 a n = lim 2 1 = 2a1 = 2(100 ) = 200 n →∞ n →∞ n + n 2 a1 +

ขอ ๓๕ ตอบ an =

จาก

2

βn − 7 n+2 S 9 − S 7 = a108

a8 + a9 = a108 →

8β − 7 9β − 7 108β − 7 + = 10 11 110

88β − 77 + 90 β − 70 = 108β − 7 70β = 140

β =2 ∴ lim a n = lim n →∞

ขอ ๓๖ ตอบ

n →∞

2n − 7 =2 n+2

200

f ( x) = 200 x − x 3 + 450 x 2 − 60200 x − 10000 f ′( x) = 200 − 3 x 2 + 900 x − 60200 = 0

3x 2 − 900 x + 60000 = 0

x 2 − 300 x + 20000 = 0 (x − 100)(x − 200) = 0 ∴ x = 100,200 ′′ f ( x) = −6 x + 900 f ′′(100) = −600 + 900 = 300 f ′′(200) = −1200 + 900 = −300 ∴ x = 200

ขอ ๓๗ ตอบ ให

10

f ( x) = ax 2 + bx + c f ′(1) = 4 → 2

∫ (ax

−1

2

)

+ bx + c dx = 12

,

f ′( x) = 2ax + b

2a + b = 4 →

− − − − − − > (1) ⎛ x3 ⎞ x2 ⎜⎜ a + b + cx ⎟⎟ 2 ⎝ 3 ⎠

2

= 12

−1

8 a b a + 2b + 2c + − + c = 12 3 3 2 3b 3a − + 3c = 12 2 b a− +c =4 − − − − − − > (2 ) 2 f (1) = 2 → a+b+c = 2 − − − − − − > (3) 4 (2) − (3) : − 3b = 2 → b=− 2 3 4 4+ 8 4 2 , ∴c = 2 − + = แทนใน (1) : a = 3 = 8 2 3 3 3 3 8 4 2 ⎛ 8 ⎞ 30 f (−1) + f ′′(−1) = + + + 2⎜ ⎟ = = 10 3 3 3 ⎝ 3⎠ 3

ขอ ๓๘ ตอบ

10 h( x) = f ( x) g ( x) → h′( x) = f ( x) g ′( x) + g ( x) f ′( x) h′(2) = f (2) g ′(2) + f ′(2) g (2)

f ′( x) = 2 − 2 x



f ′(2) = 2 − 4 = −2

;

f ( x) = 2 x − x 2 + c

;

2 − 2x = 0 ∴x =1 f (1) = 5 5 = 2 −1+ c ∴c = 4

f (2) = 4 − 4 + 4 = 4 ∴ h′(2) = 4(5) + 5(−2) = 2(5) = 10

ขอ ๓๙ ตอบ

7 2

⎛ 1⎞ ⎛ 1⎞ n 1 + ⎜1 + ⎟ − 1 + ⎜1 − ⎟ 1 ⎝ n⎠ ⎝ n⎠ = 4 an

2

1 5 −1 = 4 a1 ⎛ 13 5⎞ − 2⎜ ⎟ 4 4⎠ 1 13 − 5 ⎝ = = 4 4 a2 1 25 − 13 = 4 a3 1 41 − 25 = a4 4 i i i

1 841 − 761 = a20 4 ∴

1 1 1 1 5 − 1 + 13 − 5 + 25 − 13 + ... + 841 − 761 + + + ... + = a1 a2 a3 a20 4 =

ขอ ๔๐ ตอบ lim n→∞

25

(

)

k n 5 + n + 3n 4 + 2

(n + 2)

5

−1 + 841 −1 + 29 = =7 4 4

12 + ... 5 15 15 5 k= = = 15 × 2 3 3 1− 5 5 = 15 + 6 +

= 25

ขอ ๔๑

ตอบ 352 จะตอบใหไดคะแนน

45 คะแนน

(1) ตอบถูกตอนที่ 1

10

ขอ และตอบถูกตอนที่

2

⎛10 ⎞⎛10 ⎞ 10! = 252 = ⎜⎜ ⎟⎟⎜⎜ ⎟⎟ = 10 5 5 ! 5 ! ⎝ ⎠⎝ ⎠ 1 ขอ และตอบตอนที่ 2 ผิด 1

อีก

5

ขอ

จํานวนวิธตี อบ (2) ตอบตอนที่ 1 ผิด

ขอ

⎛10 ⎞⎛10 ⎞ = ⎜⎜ ⎟⎟⎜⎜ ⎟⎟ = 100 ⎝ 1 ⎠⎝ 1 ⎠ 252 + 100 = 352 วิธี

จํานวนวิธตี อบ ดังนั้นจํานวนวิธตี อบทั้งหมด คือ ขอ ๔๒

ตอบ 9 A = {1,2,3,4,5,...,9,10} 10 10(11) i= = 55

∑ i =1

2

ดังนั้น ตัวเลขทีต่ ัดออกสองตัวตองมีผลบวกเปนพหุคูณของ ซึ่งจะมี 9 แบบ ขอ ๔๓

ตอบ

5

ซึ่งมี (1,4), (1,9), (2,3), (2,8), (4,6), (5,10), (3,7 ), (6,9), (7,8)

50

55 − X − − − − − − > (1) S S 20 1 X = = → S= − − − − − − > (2) 5 X 100 5 X 0.5( ) = 55 − X 5 55 X + 0.1X = 55 → X = = 50 1.1 ตอบ 36 คน 0.5 =

ขอ ๔๔

ชวงคะแนน

f

cf ⎫ ⎪ ⎪ ⎬12 ⎪ ⎪⎭

50 − 59

⎛N ⎞ ⎜ 2 − ∑ fL ⎟ Med = L + I ⎜ ⎟ fm ⎜ ⎟ ⎝ ⎠ ⎛N ⎞ ⎜ 2 − 12 ⎟ 57 = 49.5 + 10 ⎜ ⎟ ⎜ 8 ⎟ ⎝ ⎠ 4 N 7.5( ) = − 12 5 2 N 6 = − 12 2

8

N = 18 2 ∴ N = 36

20

ขอ ๔๕ ตอบ

4

จุด

หรือ

ขอ ๔๖ ตอบ 3 7 8

3

7

8

3

7

7 7

3

ขอ ๔๗ ตอบ

8

8

3

7

X

7

3

8

7

3

8







1

5



X

13

7

ใหผลบวกแตละแถว ก ข แตละหลัก ค ง = k 16(17 ) 1 + 2 + 3 + 4 + ... + 16 = = 8(17 ) 2

4k = 2 (1 + 5 + X + 13) + (ผลบวกของจํานวนนอกเหนือจาก 1,5, X ,13 )

∴ 8 (17 ) = 4k − (1 + 5 + X + 13)

4

หาร

1 + 5 + X + 13

4 ( X + 19)

∴X =9

ลงตัว

3

7

8

7

3

8

9

จะไดวา

8

3

8

ขอ ๔๘ ตอบ

ขอ ๔๙

3

ตอบ

3

5

4

2

1

1

3

2

5

4

4

1

5

3

2

2

4

3

1

5

5

2

1

4

x=3

208

8 (5 ⊗ 3) 3 5 5 ⊗ 3 = 3 ⊗ 5 = 3 ⊗ (3 + 2) = (3 ⊗ 2) 2 3 ⊗ 2 = 2 ⊗ 3 = 2 ⊗ (2 + 1) = 3(2 ⊗ 1) 2 ⊗ 1 = 1 ⊗ 2 = 1 ⊗ (1 + 1) = 2(1 ⊗ 1) = 2(5)

8 ⊗ 5 = 5 ⊗ 8 = 5 ⊗ (5 + 3) =

⎛ 8 ⎞⎛ 5 ⎞ ∴ 8 ⊗ 5 = ⎜ ⎟⎜ ⎟(3)(2)(5) = 200 ⎝ 3 ⎠⎝ 2 ⎠ (8 ⊗ 5) ⊗ 100 = 200 ⊗ 100 = 100 ⊗ (100 + 100)

จะได ขอ ๕๐ ตอบ

⎛ 100 + 100 ⎞ =⎜ ⎟ (100 + 4 ) = 2(104) = 208 ⎝ 100 ⎠ 2

หลักที่ 1 หลักที่ 2 23 20 26 47 44 50 71 68

จากหลักที่ ถา

1

a n = 24n − 1

n = 84

จะได

2

หลักที่ 5 17 29 41 53 65

3

หลักที่ 8 14 32 38 56 62

a84 = 24(84) − 1 = 2016 − 1 = 2015

ดังนั้น

2012

อยูในหลักที่

2

4

หลักที่ 11 35 59

5