1
โรคซัลโมเนลโลซิส (Salmonellosis)
บทนํา ในบรรดาแบคทีเรียที่กอใหเกิดการติดเชื้อ และการระบาดในคนนั้น ซาลโมเนลลา เปน ตัว อย างที่ดี ของแบคทีเ รี ย ที่ มี การวิวัฒนาขนานไปกับวิวัฒนาของมนุษย แตเดิม แบคทีเรียในกลุมนี้สวนใหญอาศัยอยูในสัตวและกอใหเกิดโรคในสัตว มีเพียงไมกี่ชนิดเปน pathogen ของคนโดยตรง และอาศัยอยูในคน แตปจจุบันนี้ซาลโมเนลลาจากสัตวหลาย ชนิดทําใหเกิดการติดเชื้อในคนและอาศัยเปน carrier อยูใ นคนไดเปนเวลานาน ทั้งนี้เพราะ ซาลโมเนลลาสามารถปรับตัวไดดี ทําใหสามารถอยูไดในสภาวะแวดลอมที่เปลี่ยนแปลงไป ในสังคมมนุษย ไมวาจะเปนเรื่องของเทคโนโลยีใหม ๆ เชนการผลิตอาหารกระปองอาหาร แชแข็ง หรือขบวนการตางๆ ในการเตรียมอาหารสําเร็จรูปทั้งอาหารที่ยังไมสุก และอาหารที่ สุกแลว ซึ่งในปจจุบันนี้เกิดขึ้นมากมายเพื่อสนองความตองการของประชาชนที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ประจักษกันดีวามีอาหารมากมายใหซื้อขายกัน โดยเฉพาะอยาง ยิง่ ทีเ่ รียกวาประเทศไทยเปนครัวอาหารโลก จําเปนอยางยิ่งตองควบคุม ปองกัน พรอมทั้ง หาทางหยุดยั้งเชื้อ Salmonella มิใหแพรกระจายไปในอาหาร สิ่งแวดลอมตาง ๆ เพิ่มขึ้น นอกจากนี้การสาธารณสุขและการพัฒนาสิ่งแวดลอม และการเพิ่มของประชากร และสังคม ก็เปนสิ่งที่เอื้ออํานวยตอการปรับตัวของเชื้อ Salmonella เขามาสูคนไดมากขึ้น เอกสารนี้มีวัตถุประสงคที่จะทบทวนความรูดานจุลชีววิทยา ระบาดวิทยา อาการ ของโรค พยาธิกําเนิด การวินิจฉัย การรักษา การควบคุมและการปองกัน ของเชื้อ Salmonella ใหแกผูที่ใหความสนใจในเชื้อ Salmonella เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
2 จุลชีววิทยาของ Salmonella แบคทีเรียในกลุมนี้จัดไดวาเปน pathogens ทีพ่ บไดทุกหนทุกแหงและทั่วโลก โดย เขามามีบทบาทไมเฉพาะแตในคน และสัตวเลี้ยงของคนเทานั้น หากยังพบไดในสัตวทั่ว ๆ ไป เชน สัตวเลื้อยคลาน นก และแมลงตาง ๆ เปนแบคทีเรียกลุมใหญกลุมหนึ่ง เปน แบคทีเรียแกรมลบ รูปรางเปนแทงสั้น ไมสรางสปอร อยูในสกุล Enterobacteriaceae เชน เดียวกับเชื้อ E.coli ประวัติของเชื้อซัลโมเนลลาเดิมเรียกวา paratyphoid bacteria สวนชื่อ สกุลไดเปลี่ยนไปโดยตั้งใหเปนเกียรติ D.E.Salmon นักแบคทีเรียชาวอเมริกัน ซึ่งไดรวมกับ Theobald Smith ทีไ่ ดทาการแยกเชื ํ ้อนี้จากสุกรที่ปวยโรคอหิวาต เชื้อที่แยกไดนี้ตอมาเรียก วา Salmonella Choleraesuis ใน ค.ศ.1885 และในป ค.ศ.1888 Gartner แยกเชื้อไดจากมาม ผูป ว ยที่ตายดวยโรคอาหารเปนพิษระบาดในประเทศเยอรมัน คือ Salmonella Enteritidis ป ค.ศ. 1892 Loffler แยก Salmonella Typhimurium ไดจากหนูขาวที่มีอาการโรคคลาย ไทฟอยด จนกระทั่ง Schottmiille สามารถแยกถึงความแตกตางระหวาง Salmonella Paratyphi A และ Salmonella Paratyphi B ไดในป 1990 การคนพบ Salmonella สายพันธุ ใหมทแี่ ยกไดจากผูปวยและสัตว ที่ปวยดวยโรคตาง ๆ มีมากขึ้น ทําใหเกิดความยุงยากใน การตั้งชื่อสายพันธุใหม ๆ เหลานี้ จนกระทั่งในป ค.ศ. 1926 Kauffmann, Edwards และ Ewing ไดรวมกันจัดทําหนังสือ Kauffmann – White Schema ขึน้ เพื่อเปนเอกสารสําคัญแยก ลักษณะทางแอนติเจนของ Salmonella (Ewing W.H.,1986) ลักษณะของเชื้อซัลโมเนลลา แหลงที่อยูอาศัยตามธรรมชาติ และนิสัยการเจริญเติบโต ลักษณะของเชื้อซัลโมเนลลา : ซัลโมเนลลาเปนแบคทีเรียแกรมลบ รูปรางเปนแทง สั้น ไมสรางสปอร อยูในสกุล Enterobacteriaceae เชนเดียวกับเชื้อ E.coli สมาชิกในสกุลนี้ เจริญเติบโตในสภาวะที่มีหรือไมมีอากาศก็ได (facultative anaerobe) เคลื่อนที่ไดโดยอาศัย แซรอบตัว (peritrichous flagella) และอาศัยอยูในลําไสของคนและสัตว สมบัติทางชีวเคมี แสดงในตารางที่ 1
เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
3 ตารางที่ 1 สมบัติทางชีวเคมีที่สําคัญของเชื้อซัลโมเนลลา Biochemical test Reaction Glucose + Lactose Sucrose Catalase reaction + Oxidase reaction Nitirte reduction + Lysine decarboxylase + Arginine dehydrolase + w / o H2S Ornithine dehydrolase + w / o H2S Indole Citrate +/ MR + VP Phenylalanine Urease Gelatin G+C (mole% of DNA) 50-53 ที่มา : พัฒนาจาก Bergey’s Manual of Systematic Bacteriology, 1984 นอกจากสมบัติ ทางชี ว เคมี แ ลว ในการจํ าแนกสปชีของซัลโมเนลลายังอาศัย ลักษณะทางพันธุกรรมของเชื้อที่ปรากฏบนผิวเซลลและบนแซ (flagella) ที่แบคทีเรียใช เคลื่อนที่ ตามแบบแผนที่เรียกวา Kauffmann-White Scheme (Brenner, 1984; Ewing, 1986) ทําใหการจําแนกสปชีของเชื้อซัลโมเนลลามีความแมนยํามากขึ้น ทั้งนี้ลักษณะบนผิวเซลล (O-antigen) ไดถูกจําแนกออกเปน 64 group โดยอาศัย somatic antibodies ทีเ่ ตรียมขึ้นมา สําหรับลักษณะทางพันธุกรรมบน flagella ใช H-antibodies จําแนกออกเปน 2 Phases คือ Phase-1 (หรือ phase ทีจ่ ําเพาะ) ประกอบดวยเชื้อซัลโมเนลลาเพียงไมกี่สปชี และ Phase-2 (หรือ group Phase ) ซึ่งประกอบดวยเชื้อซัลโมเนลลาสวนใหญ H-antigen ของเชื้อซัลโม เนลลาอาจทําปฏิกิริยาตกตะกอนกับ antibodies ของ Phase-1 หรือ Phase-2 หรือทั้ง 2 Phase เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
4 สําหรับ H-antigen Phase-1 ใชอกั ษรภาษาอังกฤษตัวเล็กเปนสัญลักษณ สวน H-antigen Phase-2 ใชตัวอักษรเลขอะราบิคเปนสัญลักษณ เชน S. Choleraesuis (6, 7: c :1, 5) หมาย ความวาเชื้อนี้มี O-antigen O: 6 และ 7 (groupC) H-antigen Phase-1 คือ c และ H-antigen Phase-2 คือ 1 และ 5 หรือ S. Enteritidis ( 9,12 :gm :-) หมายความวาเชื้อนี้มี O-antigen O:9 และ 12 (group D) H-antigen Phase-1 คือ g,m เพียง Phase เดียวเทานั้น วิวฒ ั นาการทางการศึกษาเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตในระดับโมเลกุล ไดเปลี่ยนโฉมรูปแบบ การจัดจําแนกสปชีของซัลโมเนลลา (Salmonella’s Taxonomic scheme) ทีอ่ าศัยเทคนิคทาง เซโรวิทยามาเปนเทคนิคทางจีนส (DNA-DNA hybridization and Multilocus Enzyme Electrophoresis เรียกยอวา MEE) ซึ่งแบงเชื้อซัลโมเนลลาออกเปน 2 สปชีดังนี้ Salmonella enterica (S. enterica) และ Salmonella bongori (S. bongori) แตละ species จําแนกออกเปน หลายสปชียอย (subspecies) มีไมนอยกวา2,500 ซีโรวาร S. enterica จําแนกเปน 6 subspecies ไดแก subspecies I : Salmonella enterica subsp. enterica subspecies II : Salmonella enterica subsp. salamae subspecies IIIa : Salmonella enterica subsp. arizonae subspecies IIIb : Salmonella enterica subsp. diarizonae subspecies IV : Salmonella enterica subsp. houtenae subspecies VI : Salmonella enterica subsp. indica สวน subspecies V ( Salmonella enterica subsp. bongori ) จาก เดิม ไดเปลี่ยนเปน species คือ Salmonella bongori การเปลี่ยนแปลงดังกลาวนําไปสูพัฒนาการของวิธีการเขียน ชื่อ serovars ใหม หลักการเขียน Salmonella serovar กรณีที่ I เชื้อ Salmonella ที่อยูใน species enterica subspecies enterica (ทีม่ กี ารตั้งชื่อ) ดังตัวอยาง Salmonella (ตัวเอน) subspecies (ตัวตรง) enterica (ตัวเอน) serotype (or serovar : or ser.) Typhimurium (ตัวแรกเขียนตัวใหญ ไมตองเขียนตัวเอน) เขียนไดดังนี้
เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
5 Salmonella enterica subspecies enterica serovar Typhimurium ในทางปฏิบัติ นิยมเขียนสั้นลงวา Salmonella serovar Typhimuriumหรือ Salmonella Typhimurium หรือ S. Typhimurium Salmonella serovar Bangkok หรือ Salmonella Bangkok หรือ S. Bangkok Salmonella serovar Ratchaburi หรือ Salmonella Ratchaburi หรือ S. Ratchaburi กรณีที่ II Salmonella พบใน species และ subspecies อื่นนอกเหนือจากกรณีที่ I ไดแก S. enterica subspecies II, IIIa, IIIb, IV, VI และ S. bongori subspecies V การเขียน serovar จะเขียนในรูปของโครงสรางเทานั้น ดังตัวอยาง S. enterica subspecies II มี O-antigen 6 และ 8 มี H-antigen Phase I คือ b และ H-antigen Phase II คือ 1,5 นํามาเขียนดังนี้ Salmonella (ตัวเอน) subspecies (ตัวตรง) salamae (ตัวเอน) serovar 6, 8 : b :1,5 ดังตัวอยาง Salmonella enterica subspecies salamae serovar 6, 8 : b :1,5 ในทางปฏิบัตินิยมเขียนยอวา Salmonella II 6, 8 : b : 1,5 หรือ S. II 6, 8 : b : 1,5 การตั้งชื่อ serovars ของเชื้อ Salmonella นั้น เชื้อ Salmonella ทีพ่ บจะตองอยูใน species enterica และ subspecies enterica เทานั้น และตั้งชื่อตามหลักภูมิศาสตรของสถานที่ พบเชื้อเปนครั้งแรกเชน Salmonella Bangkok และ Salmonella Ratchaburi WHO Collaborating Center for Reference and Research on Salmonella Institut Pasteur, Paris, France เปนหนวยงานที่ทําหนาที่รวบรวมและรายงานจํานวน serovar ที่พบทั่ว โลกไวใน Antigenic Formula of the Salmonella serovar โดยในแตละปจะมีการตรวจพบ Salmonella serovar ใหม ๆ เพิ่มขึ้น เชนในป 1997 มีจํานวน 2,435 serovars และตอมาในป 2001 มีเพิ่มขึ้นเปน 2,501 serovars โดยเฉพาะ S. enterica subsp. enterica (subspecies I) มี จํานวน 1,478 serotypes (serovars) เปน Salmonella ที่จัดอยูใน O group A, B, C1, C2, D, E1, E2, E3 และ E4 ซึ่งสวนมากพบในสัตวเลือดอุน ( Michel Y. Popoff 1997,2001 )
เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
6 ACTUAL NUMBER OF SEROVARS IN EACH SPECIES AND SUBSPECIES Year 1997 2001 1,435 1,478 serovars S. enterica subsp. enterica 485 498 serovars salamae 94 94 serovars arizonae 321 327 serovars diarizonae 69 71 serovars houtenae 11 12 serovars indica 20 21 serovars S. bongori Total 2,435 2,501 serovars แหลงที่อยูอาศัยตามธรรมชาติ : เชือ้ ซัลโมเนลลาอาศัยอยูในทางเดินอาหาร ลําไส ของสัตวตาง ๆ เชน นก สัตวเลื้อยคลาน สัตวเลี้ยง คน และบางทีก็พบในแมลง แมวาแหลง กําเนิดของเชื้อคือลําไสของสัตว แตบอยครั้งที่พบเชื้อซัลโมเนลลาตามรางกายสวนอื่น ๆ ของสัตวดวย (Jay, 1996) เนือ่ งจากสัตวจะปลอยเชื้อซัลโมเนลลาผานทางอุจจาระซึ่งจะแพร ผานแมลงและสัตวอื่น ๆ ขยายวงกวางออกไป ดวยเหตุนี้เชื้อซัลโมเนลลาอาจพบในนํ้า โดย เฉพาะในนํ้าสกปรก และในอาหารที่มีแมลงวันตอม เมื่อคนและสัตวบริโภคอาหารและนํ้า ทีม่ เี ชือ้ นีเ้ ขาไป บางครั้งจะแสดงอาการปวยออกมา แตบางครั้งก็กลายเปนพาหนะ (carrier) คือไมแสดงอาการปวยทั้ง ๆ ทีม่ เี ชือ้ ซัลโมเนลลาอยูในรางกาย มนุษยผูนั้นอาจกลายเปน พาหะของเชื้อตอไป มนุษยและสัตวขับเชื้อซัลโมเนลลาออกจากทางเดินอาหารทางอุจจาระ อรุณ บางตระกูลนนท และคณะไดทําการสํารวจอุจจาระของผูสัมผัสอาหารที่ปฏิบัติงานใน อุตสาหกรรมอาหารแชแข็ง พบอัตราผูเปนพาหะของเชื้อซัลโมเนลลาสูงสุดรอยละ 15.38 อัตราผูเปนพาหะของเชื้อซัลโมเนลลาสูงสุดในฤดูรอน และตํ่าสุดในฤดูฝน (อรุณ บาง ตระกูลนนท และคณะ, 2545) เชือ้ ซัลโมเนลลาในอุจจาระของมนุษยและสัตวสามารถแพร กระจายไปในดิน นํ้า และสิ่งแวดลอม ปนเปอนเขาสูหวงโซอาหารไดหลายทาง ซึ่งจะเปน อันตรายอยางยิ่ง ถานําสัตวที่มีเชื้อซัลโมเนลลามาใชเปนอาหาร ทําใหผูบริโภคมีความเสี่ยง สูงตอการเกิดโรคอาหารเปนพิษ ในทางระบาดวิทยา จําแนกแหลงที่อยูอาศัยหรือโฮสทของเชื้อซัลโมเนลลาออก เปน 3 แหลงดังนี้ (Jay, 1996) เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
7 (ก) เชือ้ ซัลโมเนลลาที่อาศัยคนเปนโฮสต เชื้อซัลโมเนลลาในกลุมนี้เปนโรคติดตอ ในคนเทานั้นไดแก S. Typhi ทําใหเกิดโรคไทฟอยด (Typhoid fever) เปนสปชีที่มีอันตราย รุนแรงมากที่สุด สวนS. Paratyphi A, S. Paratyphi B และ S. Paratyphi C ทําใหเกิดโรคไข รากสาดนอย (paratyphoid fever) ซึง่ มีอาการคลายกับอาการของไขไทฟอยด แตรุนแรง นอยกวาไขรากสาดนอยเปนโรคติดตอในคนเชนเดียวกับอาการของไขไทฟอยด มีระยะเวลา ฟกตัวนาน ผูปวยมีอุณหภูมิของรางกายสูงมาก มีผลทําใหอัตราการตายสูง และอาจตรวจ พบเชื้อ S. Typhi ในเลือด ในอุจจาระ และในปสสาวะของผูปวยดวย (ข) เชือ้ ซัลโมเนลลาที่ปรับตัวตามโฮสต เชือ้ ซัลโมเนลลาในกลุมนี้เปนเชื้อที่แพร จากสัตว ที่เปนโรคหรือเปนพาหะมาสูคน เนื่องจากอาศัยอยูในสัตว เมื่อนําสัตวมาใชเปน อาหารก็จะแพรมาสูคน และทําใหคนเปนโรคได ตัวอยางเชน S. Gallinarum และ S. Pullorum ซึ่งอาศัยเปดไกเปนโฮสต S. Dublin อาศัยวัวเปนโฮสต S. Abortus-equi อาศัยมาเปนโฮสต S. Abortus-ovis อาศัยแกะเปนโฮสต S. Choleraesuis อาศัยสุกรเปน โฮสต และ S. Enteritidis พบมากในไขและในสัตวปกที่มีชีวิต เปนตน (Jay, 1996) (ค) เชื้อซัลโมเนลลาที่ไมเลือกโฮสต เปนเชื้อซัลโมเนลลานอกเหนือจาก 2 กลุมที่ กลาวมาแลว สามารถแพรจากคนและ สัตวเปนโรค รวมทั้งอาหาร นํ้า ดิน และสิ่งแวดลอม ไดแก เชื้อซัลโมเนลลาสวนใหญที่ทําใหเกิดโรคอาหารเปนพิษ นับเปนซัลโมเนลลาที่มี ความสําคัญ และจะตองควบคุมผานกิจกรรมการจัดการสุขาภิบาลอาหารที่ดี เพื่อตัดวงจร การแพรกระจายของโรค เชื้อในกลุมนี้เรียกวา non typhoidal salmonellosis ทําใหเกิดโรค Salmonellosis ซึง่ สวนใหญจะทําใหเกิดอาการทางลําไสและบาง serovar เทานั้นที่บุกรุกเขา กระแสโลหิตและทําใหเกิดการติดเชื้อในระบบอื่นๆ Salmonellosis มิใชโรคติดเชื้อรายแรง ทีส่ ว นใหญตองรับการรักษาโดยปจจุบันทันดวน ผูที่ไดรับเชื้ออาจมีอาการไมมากแตก็มีผล กระทบตอสุขภาพโดยทั่วไปและตอประสิทธิภาพของการทํางาน ซึ่งมิสามารถคํานวณออก มาเปนคาของการสูญเสียที่ชัดเจน สถานการณปจจุบันในประเทศไทยที่ยังขาดการบริการ ทางหองปฏิบัติการที่จะชวยใหสามารถวินิจฉัยโรค Salmonellosis ไดถูกตองสวนทางกับ การเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมผลิตเนื้อสัตว และอาหารสําเร็จรูปที่เห็นความสําคัญของ การควบคุมคุณภาพดานจุลลินทรียมากนอยตางกัน ตลอดจนการเคลื่อนตัวของประชากร เขาสูเมืองใหญๆ และการเกิดธุรกิจการจําหนายอาหารที่ไมถูกสุขลักษณะซึ่งปรากฎใหเห็น อยูโ ดยทัว่ ไป เหลานี้เปนสิ่งที่ควรจะคาดคะเนไดวาหากยังไมสามารถลดการปนเปอนของ Salmonella ในเครื่องอุปโภคของคนแลวการติดเชื้อจาก Salmonella จะมีแตการเพิ่มขึ้นให เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
8 เปนอุสรรคตอความหวังในการนําสาธารณสุขที่ดีมาใหแกประชากรชาวไทย (พนิดา ชัย เนตร, 2531) นิสัยการเจริญเติบโตของซัลโมเนลลา (ก) อุณหภูมิ ซัลโมเนลลาเจริญไดดีที่อุณหภูมิปานกลาง แมวาจะมีรายงานวาเชื้อ ซัลโมเนลลาในบางสายพันธุสามารถเจริญไดที่อุณหภูมิตํ่ากวา 5OC (D’Aoust, 1991) ก็ตาม สําหรับอุณหภูมิสูงสุดที่เชื้อนี้เจริญได คือ 49.5 OC (ICMSF, 1996) ดวยเหตุนี้ การปฏิบัติ อยางถูกตองเพื่อเก็บรักษาอาหารรอนหรืออุนอาหารเพื่อใหปลอดภัยจากเชื้อซัลโมเนลลา ตามที่ USDA/FSIS แนะนําจึงใชอุณหภูมิ 63 OC เปนเกณฑ (แมวาในทฤษฎีที่อุณหภูมิ 55 OC จะสามารถทําลายเชื้อซัลโมเนลลาไดแลวก็ตาม) (ข) pH ความสัมพันธระหวางความเปนกรด-ดาง กับการเจริญเติบโตของเชื้อซัล โมเนลลาแสดงใน ตารางที่ 2 คา pH ตําสุ ่ ดที่เชื้อซัลโมเนลลาชนิดที่ทนกรดมากที่สุดจะเจริญ ไดอยูที่ pH 3.8 และ pH สูงสุดอยูที่ 9.5 ชวง pH ทีเ่ ชื้อซัลโมเนลลาสวนมากเจริญไดดีอยู ระหวาง 7-7.5 ทัง้ นีข้ นึ้ อยูกับสภาวะแวดลอมที่เชื้อเจริญเติบโตและชนิดของซัลโมเนลลา แตละสปชีดวย จากการทดลองของชุงและกอฟเฟรท (Chung and Goepfert,1970) พบวา กรดที่ใชปรับ pH ของอาหารเลี้ยงเชื้อในหองปฏิบัติการมีผลตอการปรับตัวของเชื้อซัลโม เนลลา กลาวคือ ในกรณีที่ใชกรดเกลือและกรดซิตริกปรับ pH เชื้อซัลโมเนลลาปรับตัวกับ การเปลี่ยนแปลงของ pHไดมากกวาการใชกรดนํ้าสม หรือกลาวอีกนัยหนึ่งวาเชื้อซัลโมเนล ลาไวตอกรดนํ้าสมมากกวากรดเกลือและกรดซิตริก
เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
9 ตารางที่ 2 คา pH ตําสุ ่ ดที่เชื้อซัลโมเนลลาเจริญไดภายใตสภาวะที่เพาะเลี้ยง ในหองปฏิบัติการ กรดที่ใช pH กรดเกลือ 4.05 กรดซิตริก 4.05 กรดตารตาริก 4.10 กรดกลุโคนิก 4.20 กรดฟูมาริก 4.30 กรดมาลิก 4.30 กรดแลคติก 4.40 กรดซัคซินิก 4.60 กรดกลูทาริก 4.70 กรดอะดิพิก 5.10 กรดพิเมริก 5.10 กรดอะซิติก 5.40 กรดโพรพิโอนิก 5.50 หมายเหตุ : ใช Tryptone – yeast extract – glucose broth เปนอาหารเลี้ยงเชื้อ โดยเฉพาะเชื้อ ซัลโมเนลลา ที่ 104 เซล/มล (ใช S. Anatum, S. Tennessee หรือ S. Senftenberg) ที่มา : Chung and Goepfert, 1970 (ค) วอเตอรแอคติวิตี้ (aw) มีผลตอการเจริญเติบโตของเชื้อซัลโมเนลลา กลาวคือ เชื้อซัลโมเนลลาเจริญไดในชวงที่มี aw แคบมาก คือคา aw ตํ่าสุดอยูที่ 0.94 สวนคา awสูงสุด อยูในชวง 0.99 – 1.00 ในสภาวะที่สิ่งแวดลอมเอื้อตอการเจริญเติบโตของเชื้อซัลโมเนลลา เชน มีอาหาร เหมาะสม มี aw เหมาะสม มีอุณหภูมิเหมาะสม เชื้อซัลโมเนลลาสามารถปรับตัวตอการ เปลี่ยนแปลงของ pH ไดมากกวาปกติ ฉะนั้น ปจจัยรวม (Combined effects) จึงมีความ สําคัญในแงของการประยุกตมาใชเพื่อควบคุมเชื้อซัลโมเนลลามากกวาปจจัยใดปจจัยหนึ่ง เพียงปจจัยเดียว เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
10 ตารางที่ 3 ปจจัยดานอุณหภูมิ pH และ aw ทีม่ ีผลตอการเจริญเติบโตของเชื้อซัลโมเนลา สภาวะ คาตํ่าสุด คาเหมาะสม คาสูงสุด อุณหภูมิ 5.2 35-43 46.2 PH 3.8 7-7.5 9.5 aw 0.94 0.99 >0.99 * เชือ้ ซัลโมเนลลาสวนมากไมเจริญที่อุณหภูมิตํ่ากวา 7OC ที่มา ICMSF, 1996, P.225 พยาธิกําเนิด
1. การกระตุนใหเซลลลําไสกลืนกินเชื้อ Salmonella ลักษณะพื้นที่ผิวของเซลลลําไสมี microvilli และรูปรางคลายนิ้วมือ เปนการเพิ่มพื้น ทีผ่ วิ ในการดูดซึมสารอาหาร กลไกการกอโรคเริ่มจากการที่เชื้อ Salmonella เคลื่อนที่เขาสู ผนังเยื่อหุมเซลลลําไส คลายกับการเขาสูเซลลลําไสของเชื้อ E.coli โดยใชขบวนการพิเศษ คลายการฉีดเชื้อเขาเซลลที่ เรียกวาระบบ injector Type 3 เพื่อใหโปรตีนของเชื้อผานผนัง เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
11 เซลลเจาบานเขาสู cytoplasm โปรตีนของเชื้อที่เขาไปจะกระตุนเซลลเจาบานและเปลี่ยน ระบบ cytoskeleton ของเซลลเปนผลใหเชื้อแบคทีเรียถูกกลืนกินอยูภายในเซลลเจาบาน 2. การหลบหนีกลไกปองกันการติดเชื้อและการเพิ่มจํานวนของเชื้อ Salmonella กลไกการปองกันตัวของเซลลเจาบานปกติเมื่อเชื้อแบคทีเรียซึ่งจัดวาเปนสิ่งแปลก ปลอมเขาสูเซลลจะถูกกลืนกินและถูกยอยทําลายดวยเอนไซมภายใน lysosome แตสําหรับ เชื้อ Salmonella มันสามารถทําบางอยางที่รวดเร็วเพื่อหลบหลีกกลไกการปองกันนี้ โดยการ ทําใหโครงสรางของ vacuole เปลี่ยนแปลงและมี toxic lysosomesมายับยั้งการยอยเชื้อจาก นั้นเชื้อ Salmonella จะเริม่ แบงตัวภายใน vacuoleทําให vacuole โตขึ้น ปจจุบันนี้ยังไมทราบ แนนอนวาเชื้อ Salmonellaหลบหนีจากเซลลเจาบานไปสูเซลลอื่นไดอยางไร อาการของผูปวยและความเปนพิษของเชื้อซัลโมเนลลา
เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
12
อาการของผูปวย : ผูปวยที่ไดรับเชื้อซัลโมเนลลามีอาการจําแนกออกไดเปน 3 แบบ (ICMSF,1996) ได (ก) อาการของระบบทางเดินอาหาร (Gastroenteritis) โดยทั่วไปเกิดจากเชื้อ ซัลโมเนลลาที่ไมเลือกโฮสต ทําใหเกิดโรคอาหารเปนพิษ ชวงระยะเวลาฟกตัวของโรคอยู ระหวาง 5 ชัว่ โมง ถึง 5 วัน แตปกติสัญญาณบอกอาการของโรคมักเริ่มขึ้นประมาณ 12-36 ชั่วโมง หลังจากไดรับเชื้อ ในกรณีทไี่ ดรับเชื้อเปนจํานวนมาก อาการจะปรากฏขึ้นเร็วกวา ปกติหรือถาบุคคลไวตอเชื้อมากเปนพิเศษ อาการก็จะปรากฏเร็วขึ้นกวาปกติดวย อาการของ ผูป วยประกอบดวย ทองเดิน คลื่นไส ปวดทอง ไขสูงปานกลาง หนาวสั่น อาการทองรวง จะรุนแรงตางกันตามลักษณะการถายอุจจาระ เชน อุจจาระอาจมีลักษณะเหลวคลายนํ้าซุป ผัก จนถึงการถายเปนนํ้าและเกิดอาการขาดนํ้าขึ้น (dehydration) ในบางครั้งผูปวยอาจ อาเจียน ออนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดศรีษะ กระสับกระสาย โดยทั่วไปอาการดังกลาวจะ ปรากฏอยูนาน 2-5 วัน ถานําสิ่งขับถายของผูปวยไปตรวจวิเคราะหในชวงนี้มักจะพบเชื้อ ซัลโมเนลลาเปนจํานวนมาก เมื่อเวลาผานไปจํานวนของเชื้อซัลโมเนลลาจะลดลง แตผูปวย บางรายอาจขับถายเชื้อซัลโมเนลลาที่มิใชไทฟอยดหลังจากนี้ไปแลวอีก 3 เดือนก็เปนได เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
13
(ข) อาการไขไทฟอยด (Enteric fever) เกิดเนื่องจากเชื้อ S. Typhi, S. Paratyphi A, S. Paratyphi B (S. Schottmuelleri) และ S. Paratyphi C (S. Hirschfeldii) สวนเชื้อ S. Typhimurium นัน้ มีรายงานวาเปนเชื้อไขไทฟอยดของหนู ระยะเวลาฟกตัวของเชื้อไข ไทฟอยดอยูระหวาง 7-28 วัน (ขึ้นอยูกับปริมาณของเชื้อที่ไดรับ) เฉลี่ยประมาณ 14 วัน ผู ปวยมีอาการไมสบาย ปวดศรีษะ ไขขึ้นสูงมากและทรงอยูหลายวัน ปวดทองและปวดเมื่อย ตามรางกาย ออนเพลีย ถายอุจจาระมีลักษณะเหลวคลายนํ้าถั่ว (pea-like) หรือเหลวเปนนํ้า นอกจากนีย้ ังมีอาการคลื่นไส อาเจียน ไอ มีเหงื่อออกตามตัว หนาวสั่น และเบื่ออาหาร มีจุด แดงตามลําตัว แผนหลังและหนาอก หัวใจเตนชาและออน ทองบวมนํ้า มามโต บางครั้งมี เลือดออกจากชองทองหรือจมูกดวย ผูปวยอาจหมดความรูสึก อาการทุเลาชา (ประมาณ 1-8 สัปดาห) และบางครั้งผูปวยอาจเปนพาหะของโรคไปอีกหลายเดือนหรือเปนปก็ได ในกรณี นี้มักพบเชื้อซัลโมเนลลาในถุงนํ้าดี เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
14
(ค) อาการติดเชื้อในกระแสโลหิต (Bacteremia/Septicemia) เกิดจากเชื้อซัล โมเนลลาเขาไปในกระแสโลหิต สืบเนื่องจากเชื้อฟกตัวในลําไสเล็ก แลวเขาสูกระแส โลหิต ผูปวยอาจจะมีไขสูง ปวดหลัง ปวดทอง และเจ็บหนาอก หนาวสั่น เหงื่อออกตามลํา ตัว ไมสบาย เบื่ออาหาร นํ้าหนักลด อาการที่เกิดขึ้นอาจเปนแบบสั้น ๆ หรือเปนเรื้อรังก็ได เชื้อซัลโมเนลลาที่เปนสาเหตุรวมถึง S. Typhi, S. Choleraesuis และ S. Dublin เชื้อซัลโมเนล ลาจากกระแสโลหิตอาจเขาไปอยูตามอวัยวะตาง ๆ ของรางกาย (Archer and Young, 1988; Smith et al, 1993) ความเปนพิษ : เชือ้ ซัลโมเนลลาอาจจะเขาไปอยูในชองวาง (lumen) ของลําไส เล็กสวนปลาย และเพิ่มจํานวนขึ้น หลังจากนั้นจะไชผานผนังลําไสเล็กเขาสูระบบทอนํ้า เหลือง และจะทําลายเม็ดเลือดขาว จากนั้นจะเขาไปในกระแสโลหิต ทําใหเลือดเปนพิษ (Septiceamia) เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
15
เปนที่ยอมรับกันแลววา อาการเปนพิษของเชื้อซัลโมเนลโลซีสเกี่ยวของกับสารพิษ 2 ชนิด คือ enterotoxin และ cytotoxin คูปอลและดีเบล (koupal and Deibel, 1975) เปนคน แรกทีแ่ สดงใหเห็นถึงความเปนพิษของ enterotoxin ในป ค.ศ. 1975 ลักษณะของความเปน พิษคลายกับพิษของ E.coli โดยมีการเพิ่มขึ้นของ cAMP (cyclic adenosine monophosphate) ในลําไส และชักนําใหของเหลวในรางกายสัตวทดลองตกตะกอน แตแตกตางจาก E.coli ตรงที่ enterotoxin ที่เชื้อซัลโมเนลลาผลิตไดมีปริมาณนอยกวา และยากมากกวาในการ จําแนกสารพิษออกจากเซลลของแบคทีเรีย ยิ่งกวานั้น enterotoxin ของเชื้อซัลโมเนลลายัง คลายสารพิษของเชื้ออหิวาต (Choleratoxin-CT) ในดานลักษณะทางชีวภาพและทางพันธุ กรรม กระนั้นก็ตามเชื้อซัลโมเนลลากอใหเกิดอาการคลายบิดดวย คือมีการทําลายเนื้อเยื่อ ในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งเปนอาการที่รุนแรงมากกวาที่จะเกิดจาก enterotoxin แตเพียง อยางเดียว ดวยเหตุนี้ คูและคณะ (Koo et al,1984) จึงทําการตรวจหา cytotoxin จากสารสกัด เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
16 ของเชือ้ ซัลโมเนลลา ตามที่มีนักวิจัยชาวยุโรปเคยศึกษาในเรื่องนี้ไวตั้งแตป ค.ศ.1962 เมื่อ เติมสารสกัดของเชื่อซัลโมเนลลาลงในเซลลเยื่อบุลํ าไสเล็กของกระตายหรือเซลเวอโร (Vero cells; เปนเซลชนิด monolayer ทีป่ ระกอบดวย cell line ตอเนื่องกัน ไดจากไตของลิง ชนิดหนึ่ง (African green monkeys) ใชสําหรับการทดลองทางชีวภาพ (bioassay) เพื่อหา ความเปนพิษของ E.coli ) ปรากฏวาเกิดการยับยั้งกระบวนการสังเคราะหโปรตีนขึ้น (Koo and Peterson, 1983; Koo et al, 1984) ดังนัน้ นักวิจัยจึงสรุปวาการทําลายเซลลของเชื้อซัล โมเนลลาที่เกิดขึ้นกับเยื่อบุลําไสเล็กหรือเซลเวอโรนั้นเปนผลมาจาก cytotoxin นั่นคือ อาการเปนพิษของเชื้อซัลโมเนลลาเกิดจากสารพิษประเภท enterotoxin และ cytotoxin ระบาดวิทยา เชื้อ Salmonella เปนเชือ้ ที่กอใหเกิดอาการทองเสียในมนุษยและสัตว สามารถตรวจ พบเชื้อในมนุษยหรือสัตวที่ปวยจากอุจจาระ โดยผูติดเชื้อไดรับเชื้อจากการกินอาหารดิบ หรือทีไ่ มผานการปรุงใหสุก หรืออาหารที่ปนเปอนเชื้อ โดยที่แตละซีโรวารของเชื้อมีความ แตกตางกันโดยมีเชื้อมากกวา 2500 ซีโรวาร ในสหรัฐอเมริกาพบวา S. Typhimurium และ S. Enteritidis เปนซีโรวารที่ระบาดมาก แตในประเทศไทยนั้นพบวา S. Welteverden เปนซี โรวารที่กอใหเกิดการติดเชื้อในคนและสัตวไดมากกวา 2 ซีโรวารดังกลาวขางตน ผูปวยที่ติดเชื้อ Salmonella มีอาการปวยที่แตกตางกันตั้งแตทองเสีย ถายเหลวเปน นําสี ้ เขียว หรือ ถายมีมูกหรือมีเลือดปน ปวดทองมีลักษณะปวดเกร็งที่หนาทอง ปวดเบง สวนใหญมีไขหรือมีไขเรื้อรัง อาจมีอาการติดเชื้อนอกระบบทางเดินอาหารรวมดวย เชื้อ Salmonella อาศัยอยูในทางเดินอาหารของมนุษยและสัตวทุกชนิด รวมถึงนก ดวย การติดตอของเชื้อ Salmonella เกิดขึ้นเนื่องจากการที่มนุษยรับประทานอาหารที่ปน เปอนเชื้อจากอุจจาระสัตว การปนเปอนของเชื้อในอาหารนั้นไมไดทําใหอาหารสีและกลิ่น ตางไปจากปกติ อาหารที่พบไดบอยวามีการปนเปอนคืออาหารที่ไดจากสัตว เชน เนื้อสัตว ไก นม หรือไข แตอาหารทั้งหมดแมกระทั่งพืชสามารถปนเปอนเชื้อนี้ได วัตถุดิบอาหารที่ ไดจากสัตวพบไดเสมอวามีการปนเปอนเชื้อ แตอยางไรก็ตามพบวาการปรุงอาหารใหสุก สามารถทําลายเชื้อ Salmonella ได อาหารเกิดการปนเปอนไดจากการไมลางมือของผูติดเชื้อ ที่สัมผัสอาหาร หรือผูที่ลืมลางมือดวยสบูหลังเขาหองนํ้า เชื้อ Salmonella อาจพบไดในอุจจาระของสัตวเลี้ยง โดยเฉพาะอยางยิ่งที่มีอาการ ทองเสีย และผูเลี้ยงสัตวสามารถติดเชื้อไดถาไมลางมือหลังสัมผัสอุจจาระสัตวเหลานี้ สัตว เลือ้ ยคลานเปนแหลงเก็บกักเชื้อ Salmonella ผูเลี้ยงสัตวควรลางมือทุกครั้งทันทีหลังสัมผัส เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
17 สัตวเลีย้ งชนิดนี้ แมวาสัตวเลื้อยคลานเหลานี้จะมีสุขภาพดี ผูใหญควรระมัดระวังเด็กใหลาง มือหลังจับสัตวเลื้อยคลานเหลานี้ทุกครั้ง เกณฑในการวินิจฉัยเพื่อการรักษา (Diagnostic Criteria for Treatment) 1. เกณฑทางคลีนิก (Clinical Ctiteria) ไมมีลักษณะทางคลีนิกที่ชัดเจน 2. เกณฑการตรวจทางหองปฏิบัติการ (Labotatory Criteria) - ทั่วไป ตรวจอุจจาระพบ WBC > 20 cell/HPE - จําเพาะ เพาะเชื้อจาก อุจจาระ ปสสาวะ เลือด ไขกระดูก นํ้าไขสันหลัง หรือของเหลวจาก อวัยวะที่สงสัยมีการติดเชื้อ พบ Salmonella spp. ที่นอกเหนือจาก S. Typhi และ S. Paratyphi การรักษา (Treatment) 1. การรักษาตามอาการ ผูที่ติดเชื้อ Salmonella สามารถหายไดเองภายใน 4 ถึง 7 วัน และบอยครั้งพบวาไม ตองการการรักษา มีผูปวยจํานวนนอยที่มีอาการสูญเสียนํ้าอยางรุนแรง หรือมีการติดเชื้อ นอกระบบทางเดินอาหาร ผูปวยเหลานี้จําเปนตองไดรับสารนํ้าทดแทนผานทางเสนเลือด และรักษาการติดเชื้อดวยยาตานจุลชีพ ดังนี้ Ampicillin, Gentamicin, Trimethoprim/ Sulfamethoxazole (Bactrim หรือ Co-Trimoxazole) หรือ Ciprofloxacin อยางไรก็ตามพบ วามีเชื้อ Salmonella บางซีโรวารที่มีการตานยาตานจุลชีพทั้งนี้เปนผลเนื่องจากการใชยาตาน จุลชีพผสมในอาหารสัตวเพื่อเรงการเจริญเติบโต 2. การรักษาแบบจําเพาะ เมือ่ ตรวจพบแบคทีเรียที่เปนสาเหตุ โดยใชสารตานจุล ชีพในกรณี - การติดเชื้อนอกระบบทางเดินอาหาร หรือการติดเชื้อในกลุมที่มีความเสี่ยง สูง ไดแก เด็กอายุตํ่ากวา 1 ป ผูสูงอายุ (มากกวา 65 ป) ผูป วยที่ไดรับยากด การทํางานของระบบภูมิคุมกัน ผูป ว ยโรคเบาหวาน ผูปวยโรคตับแข็ง และ เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
18 ผูปวยโรคตอมลูกหมากที่ตองใส Prosthetic valve ใหรักษาโดยใชยาตาน จุลชีพ Norfloxacin หรือ Ceftriaxone หรือ Ciprofloxacin - ผูประกอบอาหารที่เปนพาหะควรใหเปลี่ยนแผนกหรือเลี่ยงการเตรียมหรือ ปรุงอาหาร โดยมิตองใหสารตานจุลชีพ
ผูปวยที่มีอาการทองเสียสามารถหายเปนปกติได แมวาจะพบเชื้อไดเปนระยะเวลา นานหลังจากไมมีอาการทองเสียแลวหลายเดือน มีผูปวยจํานวนเล็กนอยที่ติดเชื้อ Salmonella แลวมีอาการอื่น ๆ เชน เจ็บปวดตามขอ ระคายเคืองตา และปวดกระเพาะปสสาวะ เรียก อาการเหลานี้วา Reiter’s Sydrome ผูป ว ยที่มีอาการปวยเรื้อรังเปนเดือนหรือป สามารถนําไป สูอาการขออักเสบที่ยากตอการรักษา เนื่องจากการใชยาตานจุลชีพรักษามักไมไดผลในผู ปวยที่มีอาการขออักเสบแลว การควบคุมและปองกัน ยังไมมีวัคซีนปองกันผูติดเชื้อ Salmonella โดยพบวาการบริโภคเนื้อสัตวและผลิต ภัณฑอาหารจากสัตวมีโอกาสที่จะไดรับเชื้อจากการปนเปอน ผูบริโภคจึงไมควรกินอาหาร ดิบหรือไข เนื้อไก หรือเนื้อ ที่ไมผานการปรุงใหสุก อาหารบางชนิดเชน ไขที่มักใชเปนสวน ประกอบในการทําอาหารโดยไมผานการปรุง เชน นํ้าสลัด อาหารประเภทเนื้อสัตว ตองปรุง ใหสกุ ดีพอ นํ้านมและผลิตภัณฑนํ้านม ตองผานการฆาเชื้อดวยเทคนิค pasteurized การปนเปอนขามจากอาหารเปนสิ่งที่ตองระมัดระวัง อาหารที่ยังไมผานการปรุงให สุกตองเก็บไวแยกตางหากจากอาหารที่ปรุงสุกแลว และแยกออกจากอาหารที่พรอมบริโภค มือ เขียง โตะ มีด และอุปกรณเครื่องใชในการประกอบอาหารควรลางหลังจากใชรวมกับ อาหารที่ยังไมผานการปรุง ลางมือทุกครั้งกอนประกอบอาหาร และระหวางสัมผัสอาหาร ตางชนิดกัน เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
19 ผูปวยที่ติดเชื้อ Salmonella ไมควรเปนผูเตรียมอาหารหรือนํ้า จนกวาจะตรวจไมพบ เชื้อ Salmonella เปนระยะเวลานานพอสมควร ผูเลี้ยงสัตวควรลางมือทุกครั้งหลังสัมผัสอุจจาระสัตว โดยพบวาสามารถพบเชื้อ Salmonella จากสัตวเลื้อยคลานที่ปกติ ดังนั้นทุกคนควรลางมือทันทีหลังสัมผัสสัตวเลื้อย คลาน สัตวเลื้อยคลาน (รวมถึงเตา) ไมเหมาะสําหรับเปนสัตวเลี้ยงของเด็ก หรือเลี้ยงในบาน ที่มีเด็กทารก การปองกัน การทราบจํานวนผูปวย Salmonellosis มีความจําเปนอยางมากทางดานสาธารณสุข ทัง้ ยังตองหาซีโรวารของเชื้อเพื่อเปรียบเทียบกับซีโรวารอื่น ๆ ที่พบจากแหลงใกลเคียงกัน ถาหากเกิดการปวยในชวงเวลาเดียวกัน อาจเกิดจากแหลงรานอาหาร อาหาร หรือนํ้าประปา จําเปนตองใชมาตรการปองกันทางดานสาธารณสุขที่ถูกตอง การปองกันบางขั้นตอนตองทําเปนประจําทุกวัน เชน การ Pasteurized นํานม ้ และ การเตรียมนํ้าประปา มีผลการตอการปองกันเชื้ออยางมาก ในสหรัฐอเมริกาป ค. ศ. 1970 พบ วาเตาเปนสัตวเลี้ยงที่เปนแหลงรังของโรค Salmonella และตอมาในป ค. ศ. 1975 ไดมีการ ออกกฎหมายหามการขายเตาเปนสัตวเลี้ยงขึ้น สําหรับการพัฒนาดานความสะอาดของฟารม เลีย้ งสัตว กระบวนการในโรงเชือด และการเก็บเกี่ยวผักและผลไม ตลอดจนการบรรจุหีบ หอ เหลานี้สามารถปองกันการติดเชื้อ Salmonellosis ทีเ่ กิดจากปนเปอนเชื้อ การใหการ ศึกษาแกพนักงานโรงงานผลิตอาหารเปนแนวทางขั้นพื้นฐานในความปลอดภัยดานอาหาร และการสุมตรวจเชื้อจากรานอาหาร อาจปองกันการปนเปอนขาม และอาหารอื่น ๆ ที่ใชมือ สัมผัสที่สามารถทําใหเกิดการระบาด การบริโภคไขที่ผานการปรุงสุกในรานอาหาร โรง พยาบาล และสถานเลี้ยงเด็กออน เปนการปองกันที่สําคัญอยางมาก ในอนาคตการใชรังสี หรือวิธีการอื่น ๆ อาจสามารถลดการปนเปอนเชื้อจากอาหารดิบไดมากขึ้น
เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
20 วิธีเก็บสิ่งสงตรวจหาเชื้อ Salmonella เนื่องจากเชื้อ Salmonella สามารถตรวจพบไดจากคน อาหาร นํ้า อาหารสัตว มูล สัตว และสิ่งแวดลอมตาง ๆ โดยผูเรียบเรียงมีวัตถุประสงคเพื่อเปนแนวทางในการเก็บสิ่งสง ตรวจ และวิธีการตรวจหาเชื้อ Salmonella จากสิ่งสงสัยใหกับผูเขารวมการอบรมไดทราบ แนวทางเบื้องตน I. วิธีเก็บอุจจาระหรือ rectal swab จากผูปวย ,ผูท ี่เปนพาหะ โดยทัว่ ไปแลวมีหลักเกณฑคลายกับการเก็บสิ่งสงตรวจอื่นๆ เพื่อการเพาะเชื้อ โดยยึด หลักเกณฑดังนี้คือ(อรุณ บางตระกูลนนท, 2541) 1. ความสัมพันธกับการไดรับยาปฏิชีวนะ ควรเก็บสิ่งสงตรวจกอนผูปวยจะไดรับสาร ตานจุลชีพเพราะสารตานจุลชีพที่ไดรับเขาไปจะลดจํานวนเชื้อใหนอยลง ทําให โอกาสตรวจพบเชื้อลดลง โดยเฉพาะในผูปวยถาไดรับสารตานจุลชีพแลวจะตรวจ ไมพบเชื้อ Salmonella จําเปนตองหยุดสารตานจุลชีพกอน 2-3 วัน จึงจะตรวจพบ เชือ้ ได หากมีความจําเปนไมอาจหยุดการใชสารตานจุลชีพ ควรแจงใหเจาหนาที่ หองปฏิบัติการทราบเพื่อจะไดเลือกใชวิธีการเพาะเชื้อที่ลดผลกระทบจากสารตาน จุลชีพนัน้ เชนโดยการเติมเอนไซมเพนนิซิลลินเนส หรืองดการเจือจางสิ่งสงตรวจ กอนการเพาะเชื้อ 2. ตําแหนง ลักษณะสิ่งตรวจที่ดี ควรเก็บสิ่งสงตรวจจากบริเวณหรือตําแหนงที่มี โอกาสพบเชือ้ มากที่สุด เชนในกรณีที่อุจจาระได ควรแนะนําใหผูปวยเก็บอุจจาระ สวนทีม่ มี ูก หรือมูกปนเลือดบริเวณดังกลาวจะมีเชื้ออยูจํานวนมาก 3. ความสัมพันธกับระยะเวลาของโรค ควรเก็บสิ่งสงตรวจในชวงระยะเวลาของการ ดําเนินโรคที่จะมีโอกาสพบเชื้อมากที่สุด ในกรณีของ Salmonella และ Shigella คือ ในระยะ 3 วันแรก เมื่อเริ่มมีอาการอุจจาระรวง หลังจากนี้ไปแลวโอกาสจะพบเชื้อมี นอยลงตามลําดับ 4. ปริมาณที่เหมาะสม ควรเก็บสิ่งสงตรวจใหไดปริมาณมากพอ เพื่อใหสามารถใช ในการตรวจไดครบสมบูรณของแตละวิธี การเก็บอุจจาระสําหรับการเพาะเชื้อควร เก็บประมาณ 0.5-2 กรัม และควรเก็บใสภาชนะที่สะอาดและปราศจากเชื้อ 5. วิธีการเก็บสิ่งสงตรวจ สําหรับการตรวจหา Salmonella จากลําไส นอกจากจะสง เปนอุจจาระแลว สวนใหญมักใชสําลีพันปลายไมทํา rectal swabโดยนําไม swab จุม ลงใน Cary Blair เพื่อใหสําลีติดนํ้ายาและออนตัวเพื่อสะดวกเวลาสอดเขาไปใน เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
21 ทวารหนักใหลึกเขาไปประมาณ 1-1.5 นิ้ว และควรตรวจดูวามีอุจจาระติดอยูที่ไม swab หากไมมีอุจจาระติดอยูที่ไม swab ให swab ซํ้าใหม 6. การนําสงหองปฏิบัติการ ควรรีบนําสงหองปฏิบัติการทันทีหลังจากเก็บ เพื่อจะได รับผลการตรวจที่นาเชื่อถือ การเก็บสิ่งสงตรวจและตั้งทิ้งไวที่หอผูปวยจะทําให โอกาสตรวจพบเชื้อ Salmonella และ Shigella ลดลง เนื่องจากอัตราการตายของเชื้อ เพิม่ ขึน้ และถูกบดบังจากเชื้อประจําถิ่นในลําไส ซึ่งจะเพิ่มจํานวนขึ้นอยางมากมาย 7. ขอมูลของคนไข ควรใหขอ มูลเกี่ยวกับประวัติการปวยของผูปวย โดยเฉพาะอยาง ยิง่ การวินจิ ฉัยเบื้องตนของแพทย เพื่อเจาหนาที่หองปฏิบัติการจะไดใชเปนขอมูล ประกอบในการเลือกใชอาหารเลี้ยงเชื้อ และเทคนิคการเพาะเลี้ยง เพื่อใหสามารถ ตรวจพบเชื้อสาเหตุที่สงสัยไดมากที่สุด ภาชนะสําหรับเก็บและนําสงอุจจาระ จําเปนตองใชภาชนะที่สะอาด และปราศจากเชื้อ สามารถเก็บรักษาจุลชีพที่มีอยู โดยไมมีการลดหรือเพิ่มจํานวนขณะนําสงหองปฏิบัติการ ภาชนะที่ใชเก็บอุจจาระสงตรวจ นัน้ มีหลายชนิดทั้งชนิดที่ใชครั้งเดียวทิ้ง และที่สามารถนํากลับมาใชไดอีก หองปฏิบัติการ สามารถเลือกใชไดตามความสะดวก และงบประมาณของหองปฏิบัติการ แตวัตถุประสงค หลักก็คอื ตองการรักษาจุลชีพไมใหลดจํานวนลงขณะนําสงหองปฏิบัติการ วิธีการหนึ่งที่ สามารถหลีกเลี่ยงปญหานี้ก็โดยการเก็บสิ่งสงตรวจใสในอาหารที่เรียกวา Transport media ซึ่งประกอบดวยสารอาหารและเกลือแรเพื่อชวยรักษาจุลชีพใหคงมีชีวิตอยูไดในชวงระยะ เวลาหนึ่ง แตจะไมทําใหจุลชีพเพิ่มจํานวนขึ้น
1.
2.
วิธีการนําสงอุจจาระและ rectal swab หากสามารถเก็บแลวนําสงหองปฏิบัติการไดทันที ใหผูปวยถายอุจจาระลงใน ภาชนะทีส่ ะอาดและปราศจากเชื้อแลวนําสงหองปฏิบัติการ หากภาชนะที่ผูปวย ถายลงนั้นไมเหมาะสมตอการสงตอใหใชชอน หรือไมที่ใชสําหรับกดลิ้นผูปวย ตักอุจจาระประมาณ 0.5-2 กรัม โดยเลือกบริเวณที่เปนมูกเลือด หรือมูกปนเลือด ใสในขวดแกวหรือกลองพลาสติกที่สะอาดและปราศจากเชื้อ หากไมสามารถนําสงหองปฏิบัติการไดภายใน 2-3 ชั่วโมง ควรเก็บอุจจาระ ประมาณ 0.5-2 กรัมใสใน transport mediumไดแก Cary blair transport medium หรือ Amies หรือ Stuart transport medium หรือ Buffered glycerol saline
เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
22 solution แลวรีบสงใหเร็วที่สุดที่จะทําได หากตองการแยกเชื้อ Shigella ควรใช Buffed glycerol saline solution จะไดผลดีกวา Cary blair transport medium 3. ในกรณีที่เก็บสิ่งสงตรวจโดยการใช swab เชน เมื่อมีการระบาดของโรคอุจจาระ รวงหรือในกรณีที่ตองการตรวจหาผูที่เปนพาหะของโรค ใหเก็บสิ่งสงตรวจโดย การทําความสะอาด บริเวณโดยรอบทวารหนักดวยสบู และนํ้าสะอาด จากนั้นใช swab ที่ปราศจากเชื้อจุมดวย sterile isotonic solution หรือ sterile broth สอดผาน ทวารหนัก ลึกเขาไป 1-1.5 นิ้วหมุนเบาๆให swab ไดสัมผัสกับ ผนังของเยื่อบุ ทวารหนักใหมากที่สุด แลวนํา swab จุมลงในอาหารของ transport medium กรณี ตองการตรวจหาเชื้อ Vibrio cholerae สามารถเก็บ rectal swab ใสในอาหารเพิ่ม จํานวนเชื้อ Alkaline Peptone Water (APW) แทนก็ได ถาเวลาในการนําสงไม เกิน 2 ชั่วโมง หมายเหตุ Cary blair transport medium Cary และ Blair เปนผูคิดสูตรอาหาร ชนิดนีข้ ึ้นโดยการใช inorganic buffer แทน glycerophosphate ใน Stuart transport medium ซึ่งจะชวยลดปญหาจากการที่แบคทีเรียประจํ าถิ่นเจริญบดบังเชื้อกอโรคไดในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ Cary และ Blair ยังพบวาอาหารชนิดนี้สามารถถนอมเชื้อกอโรคในลําไสไดนาน สามารถตรวจพบ Shigell, Salmonella, V. cholerae และ Y. pestis ไดนาน 75 วัน จากคําแนะนําขององคการอนามัยโลก อาหารถนอมเชื้อมีอายุ 5-8 เดือนหลังจากได เตรียมขึ้น ทัง้ นีข้ นึ้ อยูกับการเก็บ หากเก็บไวในอุณหภูมิ 4 oC และอยูในที่มืดจะเก็บไวได นาน ฉะนั้นควรสังเกตอาหารถนอมเชื้อหากมีการเปลี่ยนสีจากเดิมที่มีสีขาวขุน หรือมีการ ปนเปอนของเชื้อ หรืออาหารถนอมเชื้อแหง
เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
23 II. วิธีการเก็บตัวอยาง จากภาชนะและอุปกรณตรวจหา Salmonella ควรใชไม swab ที่มีสําลีพันไมขนาดใหญที่ผานการทําใหปราศจากเชื้อแลว และ ดําเนินการดังนี้คือ 1. นําไม swab จุมลงใน 0.85 % NSS หรือ อาหารเลี้ยงเชื้อชนิดที่เปนนํ้าเชน Buffered Peptone Water (BPW) หรือ Nutrient Broth (NB) และ Tryptic Soy Broth (TSB) 2. นําไปปายภาชนะหรืออุปกรณที่จะตรวจใหทั่ว 3. นําไม swab ที่ปายแลวมาใสในอาหารเลี้ยงเชื้อชนิดที่เปนนํ้าหรือ ใสลงใน Cary-Blair 4. เขียนเบอร ชนิดของภาชนะและอุปกรณที่ทําการ swab 5. เขียนสถานที่เก็บ วัน เวลา และชื่อผูเก็บตัวอยาง 6. สงมายังหองปฏิบัติการทันที III. การวิเคราะหนํ้าและวิธีการเก็บตัวอยางนํ้า การวิเคราะหนํ้าทางจุลชีววิทยานั้น การเก็บตองเลือกเก็บใหเหมาะสมเพื่อใหไดตัว อยางนํ้าที่จะสามารถตรวจพบเชื้อเชน การขนสงและการเตรียมตัวอยางเปนเรื่องที่สําคัญมาก ตองใชวิธีปราศจากเชื้อ (Aseptic Techniques) ไมเกิดความเบี่ยงเบนหรือลําเอียง ในการเก็บ ตัวอยางนํามาวิ ้ เคราะหปริมาณนํ้าตองเพียงพอสําหรับการวิเคราะห การนําสงตัวอยางไปยัง หองปฏิบัติการเปนสิ่งที่ตองระมัดระวัง และตองดําเนินการอยางเขมงวดตองทําโดยใหคุณ ภาพทางดานจุลชีววิทยาของนํ้าไมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่ทําการเก็บตัวอยาง เพือ่ มิใหการ วิเคราะหและการแปรผลผิดพลาดจากความเปนจริง 1. อุปกรณสําหรับเก็บตัวอยาง 1.1 ภาชนะทีใ่ ชเก็บตัวอยาง ควรเปนภาชนะที่ใหม อาจเปนขวดแกวหรือขวด พลาสติก ที่ยังไมเคยบรรจุสารอื่นๆมากอนหากบรรจุมากอนควรเปนชนิดที่งายตอการลาง เชน ภาชนะบรรจุนํ้าดื่ม นํ้าหวาน สุรา เปนตน ไมควรเปนภาชนะที่บรรจุนํ้าปลา หรือนํ้ามัน เพราะยากแกการลางและการทําความสะอาด ควรลางภาชนะและฝาจุก ดวยผงซักฟอก หรือ นํายาล ้ างภาชนะจนแนใจวาสะอาด จากนั้นผานการฆาเชื้อ โดยใชความรอนชื้นที่ 121 oC เวลา 15 นาที หรือความรอนแหงที่ 170 oC เวลา 2 ชั่วโมง การใชความรอนชื้นหรือความ รอนแหงขึน้ อยูกับชนิดของภาชนะ และกอนเก็บตัวอยางตองลางดวยนํ้าที่จะเก็บอีกครั้งหนึ่ง สําหรับขวดเก็บตัวอยางนํ้าเพื่อใชเก็บตัวอยางนํ้าที่มีคลอรีน ตองหยดสารละลาย โซเดียมไทโอซัลเฟต (Na2S2O3 5H2O) ความเขมรอยละ 3 จํานวน 0.1 มิลลิลิตร ลงในขวด เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
24 เก็บตัวอยางนํ้าขนาด 120 มิลลิลิตร กอนการทําใหปราศจากเชื้อ ซึ่งเมื่อนําขวดดังกลาวไป เก็บนําที ้ ่มีคลอรีนปริมาณโซเดียมไทโอซัลเฟตนี้จะทําใหนํ้าที่มีคลอรีนตกคาง (residual chlorine) 5 ppm เปนกลางได ทําใหสามารถปองกันการตายของเชื้อจากคลอรีนในนํ้า ซึ่ง อาจจะเกิดขึ้นในระหวางการสงตัวอยางมายังหองปฏิบัติการ 1.2 กลองบรรจุภาชนะที่เก็บตัวอยาง ควรเปนชนิดที่เก็บความเย็นได เพือ่ รักษาคุณ ภาพนําและการเปลี ้ ่ยนแปลงของเชื้อจุลินทรียในขณะสงตัวอยาง 1.3 นํ้ายาฆาเชื้อ เอทิลแอลกอฮอล 70 % และ สําลี 1.4 ตะเกียงแอลกอฮอร ในกรณีที่ตองใช 1.5 เทอรโมมิเตอร อุณหภูมิตั้งแต - 20 ถึง 100 oC เพื่อใหทราบอุณหภูมิที่เก็บ 2. วิธีการเก็บตัวอยางนํ้า การเก็บตองไมเปดขวดเก็บตัวอยางจนกวาจะทําการบรรจุตัวอยาง เมื่อเก็บตัวอยาง ซึ่งเปนตัวแทนของนํ้าที่จะตรวจโดยวิธีปราศจากเชื้อแลวใหเหลือชองวางของอากาศในขวด อยางนอย 2.5 เซนติเมตร (เพื่อใหสามารถเขยาขวดเพื่อผสมตัวอยางกอนทําการวิเคราะห) แลวรีบปดฝาจุกทันทีปริมาณการเก็บตัวอยางจะตองเพียงพอในการตรวจวิเคราะห แหลงนํ้าตาง ๆ ที่นําสงตรวจ นําประปาหรื ้ อนํ้าที่ไหลจากวาลวนํ้า เตรียมขวดแกวที่สะอาดปราศจากเชื้อมีจุกปด สนิทขนาด 500 มิลลิลิตร ทําความสะอาดวาลวนํ้าโดยเช็ดดวยสําลีชุปแแอกอฮอล 70 % หรือใชไฟเผา กอนแลวปลอยใหไหลทิ้งประมาณ 400 มิลลิลิตร แลวเปดจุก(หรือฝาขวด)ทัน ที ระวังอยาใหจุกหรือฝาขวดสัมผัสมือหรือสิ่งอื่นใด เพื่อปองกันการปนเปอนของเชื้อบักเต รีจากภายนอกปดฉลากแลวเตรียมนําสงวิเคราะห เก็บจากบอบาดาล บอบาดาลชนิดเครื่องสูบโยกดวยมือ ใหสูบนํ้าทิ้งประมาณ 5 นาที กอนเก็บตัวอยาง หากไมมีเครื่องสูบนํ้าใหเก็บตัวอยางโดยตรงจากบอ โดยใชขวดเก็บ ซึง่ ถวงนําหนั ้ กโดยตรงที่กนขวดหรือใชเครื่องมือเก็บตัวอยาง โดยหลีกเลี่ยง การปนเปอน จากสิ่งสกปรกบนผิวนํ้า แหลงนํ้าดิบ การเก็บตัวอยางนํ้าจากแหลงนํ้าดิบโดยตรงไดแก แมนํ้า ธารนํ้า ทะเลสาบ อางเก็บนํ้า นํ้าพุหรือบอนํ้าตื้น ไมควรเก็บตัวอยางใกลฝงมากเกินไป หรือเก็บตัว อยางทีห่ า งแหลงนํ้ามากเกินไปโดยพิจารณาตามความเหมาะสม เชนเก็บจากแหลงชุมชน หรือบริเวณทีม่ นี ักทองเที่ยวเปนจํานวนมาก วิธีการเก็บเปดจุกหรือฝาขวดใชมือจับบริเวณ กนขวดควํ่าปากขวดลงใตผิวนํ้าประมาณ 50 เซนติเมตร แลวจึงคอยๆเอียงปากขวดขึ้นเพื่อ เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
25 รับนํา้ ในกรณีนํ้านิ่งใหเอียงขวดและกนขวดไปขางหนาในทิศทางขนานเพื่อรับนํ้าแลวรีบ ยกขวดขึ้นโดยเร็วปดฝาขวดปดฉลาก นําบริ ้ โภคบรรจุขวด และนํ้าแร เก็บตัวอยางโดยการสุมจากบริเวณที่ผลิตหลาย ๆ ตําแหนง ในโรงงานผลิตโดยเก็บนํ้าจาก 6 ขวด ตอ 1 ตัวอยาง ในขนาดบรรจุ 1,000 ลบ.ซม. (1 ลิตร) หรือสุมจากสถานที่จําหนาย จากหลาย ๆ กลอง ในกรณีที่บรรจุถุงที่ไมรั่วและใน กรณีที่ขนาดบรรจุมากกวา 4,000 ลบ.ซม. (4 ลิตร) ขึ้นไปใหสุม 2 ขวด นําผลิ ้ ตนํ้าแข็ง เก็บตัวอยางจากจุดกอนเขาซองนํ้าแข็ง นําภาชนะที่เตรียมไวแลวลาง ดวยนําตั ้ วอยางกอน จึงเก็บตัวอยางใหเต็มภาชนะปดจุก หรือฝาใหสนิท หากใชภาชนะ หลายๆใบ ควรบรรจุพรอมกันในวันและเวลาเดียวกัน นําแข็ ้ งกอน หรือ Cube เลือกแบงนํ้าแข็งกอนจากหลาย ๆ ซอง โดยแบงเปนกอน ๆ ขนาดพอบรรจุในภาชนะได หากตัดกอนใหญเกินไปจะบรรจุไดนอย จึงควรทําเปนกอน เล็กๆหลายกอนบรรจุใหเต็มปดฝาใหสนิท ถาเปนนํ้าแข็ง Cube สุมตัวอยางโดยเลือกตัดจาก หลาย ๆ จุด ในเครื่องทํานํ้าแข็งเครื่อง เดียวกัน นําทุ ้ กชนิดที่กลาวมานี้ใหสงถึงหองปฏิบัติการภายใน 12 ชัว่ โมง นับแตเวลาเก็บ หากเร็วกวานี้ไดยิ่งดี ถาเปนนํ้าแข็งควรรักษาการเปนกอนแข็งจนถึงหองปฏิบัติการ สวนนํ้า ชนิดอืน่ ๆ นอกจากนํ้าแข็ง ควรรักษาที่อุณหภูมิประมาณ 20 -30 องศาเซลเซียส ไมควรให รอนไปกวานั้น เพราะอาจไดผลการวิเคราะหที่คลาดเคลื่อน
เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
26 IV. วิธีการเก็บตัวอยางอาหารสงตรวจหาจุลินทรีย อุปกรณในการใชเก็บอาหารสงตรวจ O 1. ภาชนะที่บรรจุอาจใชขวดแกว มีจกุ ปดสนิท ทําใหปราศจากเชื้อโดยอบที่อณ ุ หภูมิ 107 C นาน 1 ชั่วโมงหรือใชถุงพลาสติกที่ปราศจากเชื้อ หรือสะอาด ภาชนะควรมีความจุอยางนอย 250 ml. 2. ใชอุปกรณที่ปราศจากเชื้อ หรือที่สะอาดตักตัวอยางอาหาร บรรจุลงในภาชนะโดยระวัง อยาใหมีการปนเปอนจากบักเตรีภายนอก ใหไดปริมาตรประมาณอยางนอย 200 กรัม ปดจุก และรัดปากถุงใหแนน ปดฉลาก วิธีการเก็บอาหาร :- ใชวิธีปราศจากเชื้อ ( Aseptic Technique) 1. ภาชนะตักและใสตัวอยางที่ปราศจากเชื้อและ หลีกเลี่ยงการจับตองดวยมือ 2. สุม ตัวอยางจากสวนตางๆใหมากที่สุดเทาที่จะทําได 3. ถาอาหารถูกเปดทิ้งไว ควรตักอาหารใหตํ่ากวาผิวหนา 1 นิ้ว 4. ถาเปนชิ้นสวนสัตวหรือปลาทั้งตัว ควรสุมเนื้อบริเวณชองทอง ลําไส และทางเดิน อาหาร เนื้อบริเวณหัวและหางบาง 5. อาหารแตละตัวอยางควรเก็บไมตํ่ากวา 500 กรัม 6. กรณีที่เกิดการระบาดของโรคอาหารเปนพิษตองเก็บอาหารที่เหลือจากผูปวยรับ ประทานนําสงหองปฏิบัติการใหหมด 7. อาหารแหงควรเก็บประมาณ 6-7 หอขึ้นอยูกับขนาดตัวอยาง 8. อาหารกระปองควรสุมประมาณ 12 กระปอง
วิธเี ก็บรักษาอาหาร,การนําสงตัวอยางอาหาร 1.อาหารที่เก็บไดแลวควรปดภาชนะที่ใสอาหารอยางดีนําสงภายใน 1-4 ชม.โดยใชความ เย็น เชน นําแข็ ้ งแหงหรือใชนํ้าแข็งที่สะอาด 2. ในกรณีที่ไมสามารถหานํ้าแข็งไดตอ งนําสงตัวอยางภายใน 1 ชม. 3.ในกรณีที่หองปฏิบัติการยังไมสามารถทําการวิเคราะหไดทนั ที่ตองเก็บไวในตูเย็นที่ อุณหภูมิตํ่ากวา 7 oC 4. ถาเปนอาหารแชแข็งตองเก็บโดยวิธีแชแข็ง ตามสภาพของอาหารนั้น 5. หองปฏิบัติการตองรีบเตรียมอุปกรณใน การตรวจวิเคราะห 6. พยายามทําการวิเคราะหในวันเดียวกับวันทีไ่ ดรับตัวอยาง เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
27
การตรวจวิเคราะห : ในสภาวะที่เชื้อซัลโมเนลลาอาจจะเกิดการบาดเจ็บหรือมีอยู เปนจํานวนนอย ควรจะผานขั้นตอนกระตุนที่เรียกวา Pre-enrichment step เสียกอน จาก นัน้ จึงผานอาหารเลี้ยงเชื้อเหลวที่เลือกเฉพาะชนิด (Selective Enrichment) แลวนําไปแยก เชือ้ บนวุนอาหารอาหารที่เลือกเฉพาะชนิดตอไป (Selective Differential Plating) ซึ่งสรุป เปนขั้นตอนไดดังนี้ ขั้นที่ 1 ขัน้ กระตุนใหเชื้อบาดเจ็บแข็งแรง (Pre-enrichment) ใชอาหารเลี้ยงเชื้อที่ กระตุน ใหเชื้อแบคทีเรียที่บาดเจ็บเจริญ โดยไมมีสารยับยั้งแบคทีเรียผสมอยูดวย ตัวอยาง เชน buffered peptone water, nutrient of lactose broths (ICMSF,1978) Pre enrichment ไดแก Buffered Peptone Water, Lactose Broth, Tryptone Soya Broth, Nutrient Broth อาหารประเภทเนื้อ และผลิตภัณฑเนื้อ , ผัก , ผลไม ควรสุมจากจุดตางๆ หลายๆ จุดใหไดอาหารหนัก 25 กรัมตอ per-enrichment 225 ml อาหารประเภทของแหง ถาอาหารมีนํ้าหนักเบาใชนํ้าหนักอาหาร 11 กรัมตอ per-enrichment 99 ml
เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
28 ขั้นที่ 2 ขั้นเพาะเลี้ยงในอาหารเลี้ยงเชื้อเหลวที่เลือกเฉพาะชนิด (Selective Enrichment Step) หลังจากกระตุนใหเชื้อซัลโมเนลลา (ที่อาจมีในอาหาร) แข็งแรงขึ้นแลว จึงนํามาเพาะลงในอาหารเลี้ยงเชื้อเหลวซึ่งเติมสารยับยั้งจุลินทรียที่ไมตองการ (เลือกเฉพาะ เชื้อซัลโมเนลลา) ตัวอยางเชน สี (dyes), tetrathionate, selenite อุณหภูมริ ะยะเวลาบมเพาะ เชื้อจะตองเหมาะสมกับเชื้อซัลโมเนลลา ซึ่งจะมีผลทําใหเชื้อซัลโมเนลลาเจริญไดดีกวา แบคทีเรียชนิดอื่น ๆ และปรากฏโคโลนีขึ้นเมื่อนําไปเพาะเลี้ยงบน selective differential plating media หรือนําไปจําแนกเชื้อโดยใชเทคนิคอื่น ตามปกติใชเวลาบมเพาะเชื้อประมาณ 16-24 ชัว่ โมง อุณหภูมิที่ใชบมเพาะเชื้อซัลโมเนลลาโดยทั่วไปอยูที่ 35-40OC แตบอยครั้ง พบวาการบมเพาะเชื้อที่ 41-43OC มีโอกาสใหไดเชื้อซัลโมเนลลาเพิ่มขึ้น เนื่องจากเชื้อ แบคทีเรียอื่นที่ไวตออุณหภูมิไมเจริญรบกวนเชื้อซัลโมเนลลา ตัวอยางอาหารเลี้ยงเชื้อเหลว เลือกเฉพาะชนิดที่นิยมใช (Selective broth media) เชน Tetrathionate ที่เติม Brilliant Green, Selenite Cystein, Gram Nagative (GN) broth และMagnesium Chloride – malachite Green ของ Rappaport – Vassiliadis (Vassiliadis, 1983) ในทางปฏิบัติแนะนําใหใช selective broth media มากกวาชนิดหนึ่ง และอุณหภูมิในการบมเพาะเชื้อมากกวาหนึ่งสภาวะ เพื่อ เพิม่ โอกาสในการตรวจพบ การรายงานผลจะรายงานวา ตรวจพบ/ไมพบ ในปริมาณตัว อยางอาหารที่นํามาตรวจ Selective enrichment ไดแก Rappaport - Vassiliadis Broth, Selenite Cystine Broth, Tetrathionate Broth, Manitol - Selenite Cystine Broth
RV
SCB
TT
BPW
เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
29 ขั้นที่ 3 ขัน้ แยกเชื้อบนวุนอาหารเลือกเฉพาะชนิด (Selective – Differential Plating Media) หลังจากผานขั้นตอนกระตุนดวยอาหารเลี้ยงเชื้อเหลวเลือกเฉพาะชนิดแลว จึงนํามา แยกเชื้อบน Plating media ในขัน้ ตอนนี้ใชอาหารเลี้ยงเชื้อเลือกเฉพาะชนิดที่เติมวุน อาทิ Bile salts, Deoxycholate, Brilliant Green, Bismuth Sulfide และสารปฎิชีวนะ อาหารเหลา นีจ้ าแนกเชื ํ ้อซัลโมเนลลาโดยอาศัยลักษณะโคโลนีที่ปรากฏบนวุนอาหาร สังเกตไดจากการ เปลี่ยนสีของ pH indicators ทีเ่ ติมลงในอาหารเลี้ยงเชื้ออันเปนผลจากความสามารถของเชื้อ ในการใชนํ้าตาลแลคโตสหรือซูโครสผานกระบวนการหมัก(fermentation) นอกจากนี้ยัง อาจตอบสนองตอความสามารถของเชื้อที่จะสรางกาซไขเนา (H2S) หรือความสามารถใน การดึงคารบอนไดออกไซด (decarboxylation) ออกจากกรดอะมิโนไลซีน (lysine) เปนตน วุนอาหาร (Plating media) ทีน่ ยิ มใช ไดแก Brilliant Green ทีเ่ ติม/หรือไมเติม sulphadiazine หรือ sulphapyridine, Xylose Lysine Deoxycholate (XLD) Agar, Bismuth Sulfide (BS) Agar, Hektoen Enteric (HE) Agar, MacConkey, Deoxycholate Citrate (DC) Agar และ Salmonella-Shigella (SS) Agar ในการใชวุนอาหารที่เลือกเฉพาะชนิดเพื่อแยกเชื้อซัลโมเน ลลา แนะนําใหใชอาหารเลี้ยงเชื้อมากกวาหนึ่งชนิดเชนกัน อาหารเลี้ยงเชื้อแบงออกเปน 3 ลําดับ Plating Media Low selective ไดแก Mac (Mac conkey), EMB , Endo Agar Intermediate selective ไดแก XLD , DCA , SS , HE , DHL High selective ไดแก BS (Bismuth sulfide) , , BGA New media Rm (Rambach) XLT4 (Xylose lysine Tergitol 4) DiaSalm MSRV (Modified Semi – solid Rappaport Vassiliadis agar)
เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
30
วิธีการตรวจหาเชื้อ Salmonella จากอาหาร และตัวอยาง นําตัวอยางอาหารเพาะในPre-enrichment เชน Buffered Peptone Water หรือ Lactose Broth หรือ Trptone Soya Brothหรือ Nutrient Broth เขาตูอบเพาะเชื้อ 37 oC นาน 18 - 24 ชั่วโมงถายเชื้อลงใน • RV broth (Rappaport Vasilladis broth) และ TT broth (Tetrathionate broth) เขาตูอบเพาะเชื้อ 42 oC นาน 18 - 24 ชั่วโมง • จาก BPW นํามาเพาะลงใน MSRV (Modified Semi-solid Rappaport-Vassiliadis medium) โดยใช loop ตัก BPW มาหยดบนผิว MSRV 3 หยด ใหแตละหยดอยูหางกันพอสม ควร นํามาบมที่อุณหภูมิ 42 oC นาน 18 - 24 ชั่วโมง หลังจากนั้นนํามาเลือกเชื้อ Salmonella ใน MSRV ใหพิจารณาที่สีของ MSRV จะเปลี่ยนจากสีเขียวแกมนํ้าเงินใสเปนสีขาวขุน รอบ ๆ จุดที่หยดเชื้อลงไปเปนวงกวาง (เชื้อ Salmonella ทีม่ ี flagella จะเคลื่อนออกไปรอบ ๆ จุดทีห่ ยดเชื้อ) จากนั้นใช wire แตะเชื้อที่แผไปไกลที่สุดจากตําแหนงที่หยดเชื้อ นําไป เพาะใน TSI และ LIM เขาตูอบเพาะเชื้อที่ 37 oC นาน 18 - 24 ชั่วโมง (MSRV เหมาะสําหรับ ทีจ่ ะตรวจหาเชื้อ Salmonella ทีม่ ี flagella เทานั้น ถาเปนเชื้อ Salmonella ทีไ่ มมี flagella จะ ไมสามารถตรวจได) • มาเพาะลงบนอาหารเลี้ยงเชื้อ XLD agar (Xylose-Lysine Deoxycholate Agar ) และ BG agar (Brilliant Green Agar) หรือ SS agar (Salmonella, Shigella Agar), DHL agar (Deoxycholate Hydrogen Sulfide Lactose Agar) หรือ BS agar (Bismuth Sulfide Agar) และ BPW (Buffer Peptone Water) นําทั้งหมดเขาตูอบเพาะเชื้อ 37 oC นาน 18 - 24 ชัว่ โมงอานลักษณะโคโลนีบน XLD และ BG agar บน XLD มีลกั ษณะโคโลนีกลมขนาด ปานกลาง มีสีแดงและมีสีดําอยูตรงกลาง บน BG agar (Brilliant Green Agar) ลักษณะโค โลนีของเชื้อซัลโมเนลลาจะมีรูปรางกลม ขนาดปานกลาง สีชมพูขาวทึบแสง อาหารรอบๆ โคโลนีจะเปนสีแดง (สําหรับอาหารเลี้ยงเชื้อชนิดอื่นนั้น การเลือกลักษณะโคโลนีใหดูจาก คําอธิบายที่เขียนไว ) การเลือกลักษณะโคโลนีในอาหารเลี้ยงเชื้อแตละชนิดที่มีลักษณะ โค โลนีที่สงสัยวาเปนซัลโมเนลลา ควรเลือกไมนอยกวา 3-5 โคโลนี และโดยนํา 1 โคโลนีที่ สงสัยมาเพาะลงในอาหารเลี้ยงเชื้อ TSI (Triple Sugar Iron Agar) และ LIM (Lysine Indole Motility Medium) (เพราะฉะนั้น 3-5 โคโลนีหมายถึง ใชอาหารเลี้ยงเชื้อ TSI และ LIM 3-5 ชุด) นําเขาตูอบเพาะเชื้อ 37 oC นาน 18 - 24 ชั่วโมง สําหรับ BS ใหอานผลที่ 48 ชั่วโมง เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
31 • หมายเหตุ ในการตรวจหาเชื้อ Salmonella นัน้ ควรเลือกอาหารเลี้ยงเชื้อที่เชื้อ Salmonella ขึน้ ไดดไี มนอยกวา 2 - 3 ชนิดในการตรวจแตละครั้ง อาหารเลี้ยงเชื้อที่เลือกใช นัน้ ขึน้ อยูกับความถนัดของผูทํา Lab และการเลือกโคโลนีนั้นก็ไมควรเลือกโคโลนีนอยกวา 3 - 5 โคโลนี ในอาหารเลี้ยงเชื้อแตละชนิด ลักษณะโคโลนีของซัลโมเนลลาบนอาหารเลี้ยงเชื้อแตละชนิด 1. SS agar (Salmonella Shigella Agar), DHL agar (Deoxycholate Hydrogen Sulfide Lactose Agar) ลักษณะโคโลนีของเชื้อซัลโมเนลลาบนอาหารเลี้ยงเชื้อทั้ง 2 ชนิดนี้ จะมีลกั ษณะคลายกัน คือมีรูปรางกลมขนาดเล็ก โปรงแสงและไมมีสีหรือสีเหลืองซีด ขอบ เรียบ สวนมากจะสรางกาซโฮโดรเจนซัลไฟดสีดําตรงกลางโคโลนี 2. XLD agar (Xylose Lysine Deoxycholate Agar) ลักษณะโคโลนีของเชื้อซัล โมเนลลา มีรูปรางกลมขนาดปานกลาง มีสีแดงและมีสีดําอยูตรงกลาง และสราง ไฮโดรเจนซัลไฟดที่มีสีดําอยูตรงกลางโคโลนี 3. BS agar (Bismuth Sulfide Agar) ลักษณะโคโลนีของเชื้อซัลโมเนลลาจะเปนสีดํา เงาวาว อาหารที่อยูใตโคโลนีก็จะดํา BS จะยับยั้งแบคทีเรียกรัมบวก และแบคทีเรียพวกโค ลิฟอรมแตเชื้อซัลโมเนลลาจะเจริญบน BS ไดเปนอยางดี การสรางกาซไฮโดรเจนซัลไฟด ของเชื้อซัลโมเนลลาทํ าใหมีสารประกอบซัลเฟอรอยูในโมเลกุลและเมื่อเหล็กมีการตก ตะกอนจึงทําใหลักษณะของโคโลนีเปนสีนํ้าตาลเปนเงาวาว 4.BG agar (Brilliant Green Agar) ลักษณะโคโลนีของเชื้อซัลโมเนลลาจะมีรูปราง กลม ขนาดปานกลาง สีชมพูขาวทึบแสง อาหารรอบๆโคโลนีจะเปนสีแดง ทั้งนี้เนื่องจาก เชื้อซัลโมเนลลาเปนเชื้อที่ไมสลายนํ้าตาลแลคโตสและซูโครส สวนเชื้อที่สามารถสลายนํ้า ตาลแลคโตสหรือซูโครส โคโลนีจะเปนสีเหลืองเขียวและอาหารรอบๆโคโลนีจะเปนสี เหลืองเขียวดวย โดยปกติการเจริญของเชื้อสวนใหญจะถูกยับยังอยางสมบูรณโดยสีของบริล เลียนกริน ซึง่ สีนเี้ มือ่ มีในอาหารในความเขมขนที่เหมาะสมจะมีคุณภาพในการยับยั้งหรือ เลือกชนิดของเชื้อ บริลเลียนกรีนจะไปยับยั้งแบคทีเรียกรัมบวกไมใหขึ้นในอาหาร สวน พวก colonaerogenes group จะไมถูกยับยั้ง BG ประกอบไปดวย นํ้าตาลแลคโตส และ ซูโครส โดยมีฟนอลเรดเปนอินดิเคเตอร ซึ่งมีสีชมพูแดงใน pH ที่เปนดางคือ ชวง pH อยู ระหวาง 6.8 – 8.4 เชื้อซัลโมเนลลาเปนเชื้อที่ไมเฟอรเมนทนํ้าตาลแลคโตสและซูโครสดัง กลาวแลว จึงทําใหอาหารเลี้ยงเชื้อที่มีชวง pH เปนดาง โคโลนีจึงเปนสีชมพูแดงตามอาหาร เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
32 สวนเชื้อที่สามารถใชนํ้าตาลแลคโตสและซูโครสจะทําใหอาหารเลี้ยงเชื้อที่มี pH เปนกรด ทําใหอาหารเลี้ยงเชื้อเปลี่ยนเปนสีเหลือง เชนเดียวกับสีของโคโลนี 5.MSRV agar (Modified Semi – solid Rappaport Vassiliadis agar) ลักษณะของเชื้อที่ ขึน้ บน MSRV ใหพิจารณาจากสีของ MSRV จะเปลี่ยนจากสีเขียวแกมนํ้าเงินใส เปนสีขาว ขุนรอบ ๆ จุดที่หยดเชื้อลงไป (เชื้อ Salmonella ทีม่ ี flagella จะเคลื่อนที่แผไปรอบ ๆ จุดที่ หยดเชือ้ ) จากนั้นใชเข็มเขี่ยแตะเชื้อ ณ จุดที่แผไปไกลที่สุดจากตําแหนงที่หยดเชื้อลงใน TSI และ LIM 6.Rambach agar ลักษณะโคโลนีของ Salmonella ทัว่ ๆ ไปจะใหสีแดงบนอาหารเลี้ยง เชื้อ ถาเปน Salmonella Typhi, Salmonella Paratyphi A โคโลนีใส มีเสนผาศูนยกลาง 1 – 4 มม. 7.Hektoen - Enteric Agar (H.E) ลักษณะโคโลนีของ Salmonella ที่สราง H2S จะมีสีนํ้า เงินเขียวและ ตรงกลางมีสีดํา กลม นูน ผิวเรียบเปนมัน มีเสนผาศูนยกลางประมาณ 3 มม. สวน Salmonella ทีไ่ มสราง ลักษณะโคโลนีสีนํ้าเงินเขียว กลมนูน ผิวเรียบ เปนมัน มีเสนผา ศูนยกลาง 1-3 มม.
ลักษณะโคโลนีของ Salmonella บนอาหารเลี้ยงเชื้อ
XLD
DHL
เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
33
ลักษณะโคโลนีของ Salmonella บนอาหารเลี้ยงเชื้อ
HE
BG
BS
MSRV
การจําแนกชนิด (Identification) : การกลั่นกรองเบื้องตนใชอาหารเลี้ยงเชื้อที่ไม จํากัดชนิดของเชื้อ เชน Triple Sugar Iron Agar (TSI), Lysine Iron Agar (LIA), Gillies medium I และ II หรือ TSI, Urea Agar เปนตน สําหรับการจําแนกเชื้อในขั้นตอมาอาศัยการ ทดสอบปฏิกิริยาทางชีวเคมีของเชื้อบริสุทธิ์ ซึ่งตามปกติจะใชเวลาหลายวัน ในการทดสอบ ขัน้ แรกโดยทั่วไปทําการทดสอบ lysine, urease และ Indole กอน จากนั้นจึงทําการทดสอบ ปฏิกิริยาทางชีวเคมีอีก 14 อยาง เพื่อจําแนกสมาชิกในตระกูล Enterobacteriaceae ในระดับ genus (ในทางการคามีอุปกรณ test kits สําหรับจําแนกเชื้อจําพวก Enterobacteriaceae ในชื่อ การคาตาง ๆ กัน เชน Micro ID, Minitek, API20E, Entero-tube II และ Vitek เปนตน)
เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
34
Organisms Salmonella Typhi Salmonella Paratyphi A Salmonella Choleraesuis Salmonella Pullorum Salmonella Gallinarum other Salmonella K = Alkaline A = acid
T S I - agar Slant Butt Gas H2S K A - + K A + K A + d K A + K A - K A + +(-)
L I M medium Lysin Indol Motility + + + + + + + + +(-)
การทดสอบทางซีโรวิทยา (Serological test) หลังจากผานการทดสอบทางชีวเคมีเบื้องตนโดย TSI และ LIM ไดเชื้อที่สงสัยวา เปน Salmonella แลวใหมาทําการทดสอบทางซีโรวิทยาโดยวิธี Slide agglutination โดยทํา การทดสอบระหวางเชื้อกับ แอนติซีรัม (Antiserum) จําเพาะมีขั้นตอนดังนี้ 1.หยด 0.85% NSS ลงบน Slide 1 หยด เขี่ยเชื้อจาก TSI มาละลายใน 0.85% NSS กวนใหเขากัน แลวสังเกตวาเกิดการจับกลุมภายใน 30 วินาที หรือไม หากเกิดการตก ตะกอนแสดงวา เชื้อดังกลาวไมสามารถทดสอบซีโรไทปไดเนื่องจากเชื้อ rough (เชื้อ rough หมายถึง เชื้อที่มีลักษณะโคโลนีไมเรียบ และจะตกตะกอนกับ 0.85% NSS และก็จะตก เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
35 ตะกอนกับ antiserum ทุกชนิด จะไมสามารถที่จะวินิฉัยไดวาเปนเชื้อชนิดไหน) ถาไมตก ตะกอนใน 0.85% NSS จึงทดสอบตอได 2. หยด antiserum Salmonella Polyvalent A-67 และ Salmonella Polyvalent A-I บน Slide อยางละ 1 หยดและเขี่ยเชื้อจาก TSI มาทดสอบกับ antiserum ทั้ง 2 ชนิดกวนให เขากันดีกับ antiserum ทั้งสองชนิด เอียง Slide ไปมาหลาย ๆ ครั้ง สังเกตปฎิกิริยาการจับ กลุม ทีเ่ กิดขึน้ จะเห็นภายในเวลา 30 - 60 วินาที ถาตกตะกอนตอ antiserum ใดก็แสดงวาเชื้อ มี antigen ตอ antiserum นั้น แตเนื่องจากในขั้นตอนนี้ใช antiserum รวมหลายชนิดจึงยังไม สามารถบอกวาเปน group ใด อาจเปนชนิดใดชนิดหนึ่งระหวาง Salmonella group A ถึง Salmonella group I กรณีที่ใหผลบวก (+) Salmonella Polyvalent A-I แตถาใหผลลบ (-) Salmonella Polyvalent A-I แตใหผลบวกตอ Salmonella Polyvalent A-67 แสดงวาเชื้อนี้จะ อยูในระหวางชวง Salmonella group J ถึง Salmonella O:67 3. หลังจากนั้นใหทดสอบกับ antiserum เดีย่ วแตละ group คือ Salmonella group A, group B, group C, group D, group E ถึง group I ถาใหผล group ใดบวกใหรายงานวาเปน Salmonella group นัน้ เชน ใหผลบวกกับ Salmonella group B antiserum แสดงวาเชื้อที่นํามา จาก TSI นั้น เปน Salmonella group B 4. เมือ่ วินจิ ฉัยในเบื้องตนไดแลววาเปน Salmonella serogroup ใดใหสงมาทดสอบยืน ยันเชื้อที่ WHO National Salmonella and Shigella Center สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณ สุข กรมวิทยาศาสตรการแพทย นนทบุรี เพื่อตรวจในรายละเอียดวาเปน serovar ใดตอไป สวนประกอบของ Antiserum polyvalent 1.Salmonella polyvalent A-67 antiserum หมายถึง ใน antiserum ชนิดนี้จะประกอบดวย Salmonella group A + group B + group C + group D + ……….+ Salmonella group O:67 antiserum (หรือ O:1 + O:2 + O:3 + O:4 +………+ O:67 antiserum) 2.Salmonella polyvalent A-I antiserum หมายถึง ใน antiserum ชนิดนี้จะประกอบดวย Salmonella group A + group B + group C + group D +………..+ Salmonella group I (O:16) antiserum (หรือ O:1 + O:2 + O:3 + O:4 +…………+ O:16 antiserum) 3. Salmonella polyvalent O:17 - O:67 antiserum หมายถึง ใน antiserum ชนิดนี้จะ ประกอบดวย group J (O:17) + group K (O:18) +…………+ group Z (O:50) + O:51 +……….+ O:67 4.Salmonella group A, group B, group C antiserum หมายความวาใน antiserum ของ แตละ group จะมี O antiserum ของ group นั้นประกอบอยู เชน เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
36 Salmonella group A จะมี O:1 + O:2 + O:12 antiserum Salmonella group B จะมี O:1 + O:4 + O:5 + O:12 + O:27 antiserum Salmonella group C จะมี O:6 + O:7 + O:8 + O:14 + O:20 antiserum เปนตน 5.Salmonella polyvalent H:H antiserum หมายความวา ใน antiserum ชนิดนี้จะ ประกอบดวย flagella ของเชื้อ Salmonella ทั้งหมด 2 เฟส คือตั้งแต flagella H:a + H:b + H:c + H:d + H:f +……….+ z59 + H:1 + H:2 +……….+H:7 6.Salmonella polyvalent H:L หมายความวา ใน antiserum ชนิดนี้จะประกอบดวย flagella ดังนี้ H:l + H:v + H:w + H:z13 + H:z28 antiserum 7.Salmonella polyvalent H:G หมายความวา ใน antiserum ชนิดนี้ประกอบดวย flagella ดังนี้ H:f + H:g + H:s + H:t + H:m + H:p + H:q 8.Salmonella polyvalent H:Unspecific anteserum หมายความวา ใน antiserum ชนิดนี้ ประกอบดวย flagella ทีเ่ ปน Phase 2 ทั้งหมด คือ H:1,2 + H:2 + H:5 + H:6 + H:7 + H:z6 antiserum เปนตน ในขณะนี้ไดมีการผลิต Antisera ใหมเพิม่ เติมเพื่อสะดวกในการหา groups งายขึ้นมีดังนี้ Salmonella Polyvalent OMA = O agglutinins of groups:ประกอบดวย 2(A)+4(B)+9(D1)+9,46(D2)+3,10(E1)+1,3,19(E4)+21(L) (O:1,2,12+4,5,12+9.12+3,10+1,3,10+21) Salmonella Polyvalent OMB = O agglutinins of groups :ประกอบดวย 7(C1)+8(C2-C3)+11(F)+13(G)+6,14(H) (O:6,7+6,8+8,20+11+13,22+13,23+6,14,24) Salmonella Polyvalent OMC = O agglutinins of groupsประกอบดวย 16+17+18+28+30+35+38 Salmonella Polyvalent OMD = O agglutinins of groups 39 +40+41+42+43+44+45 Salmonella Polyvalent OME = O agglutinins of groups 47 +48+50+51+52+53+61 Salmonella Polyvalent OMF = O agglutinins of groups 54 +55+56+57+58+59 Salmonella Polyvalent OMG = O agglutinins of groups 60 +62+63+65+66+67 เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
37 สําหรับ Antiserum ทีใ่ ชในการหา flagella ก็ไดมกี ารจัดกลุมใหมเชนเดียวกันเปน ดังนี้คือ Salmonella Polyvalent HMA Salmonella Polyvalent HMB Salmonella Polyvalent HMC Salmonella Polyvalent HMD Salmonella Polyvalent HMIII
= = = = =
a + b + c + d + i + z10 + z29 e,h + e,n,x + G k + y + z + L + Z4 + r z35 + z36 + z38 + z39 + z 41 + z42 + z44 + z60 z52 + z53 + z54 + z55 + z57 + z61 (H factors of subspecies III only)
ฉะนั้นการเลือกใช antisera Salmonella เพื่อทดสอบเชื้อ Salmonella สามารถเลือก ใช Salmonella Polyvalent OMA, OMB, OMC, OMD, OME, OMF, OMG แทนไดซึ่งมี การรวม O-group ทีเ่ ฉพาะมากกวาและงายตอการหา group ตาง ๆ และเลือกใช HMA, HMB, HMC, HMD และ HMIII เพิ่มเติมเพื่อหา flagella ของเชื้อ Salmonella ใหงายยิ่งขึ้น ทางเลือกอื่น (Altemative methods) : วิธกี ารตรวจวิเคราะหและจําแนกเชื้อซัลโม เนลลาแบบดั้งเดิมเปนวิธีที่ใชแรงงานและระยะเวลาประมาณ 3-5 วัน เพียงเพื่อที่จะบอกวา มีแนวโนมวาพบเชื้อซัลโมเนลลาหรือไมเทานั้น ดังนั้น จึงมีการพัฒนาวิธีตรวจหาเชื้อซัลโม เนลลาที่รวดเร็วกวาเดิม ตัวอยางเชน วิธี Fluorescent antibody (Cherry et al, 1975; Thomson, 1981; Insalata and Chordash, 1984) วิธี DNA/DNA hybridization assays (DNAH) (Fitts et al,1983; Ewing, 1986) วิธี Enrichment Serology (Sperber and Diebel, 1969) วิธี Enzyme-linked immunosotbent assay (ELISA) (Minnich et al,1982; Mattingly and Gehle, 1984) วิธี Membrane filter – disc – immunoimmobilization (La Roche et al, 1981) และวิธี Salmonella phage tests (Welkos et al, 1974) แตวิธี ELISA และวิธี DNAH (ไมวาจะเตรียมจาก polyclonal หรือ monoclonal antibodies) และวิธี DNAH เปนวิธีที่ไดรับ การรับรองจาก AOAC แลว (Flowers et al, 1986 a,b) แสดงแผนภูมิการตรวจวิเคราะหหาเชื้อ Salmonella อาหาร, อุจจาระสัตว ตาม มาตราฐานขอกําหนดของ ISO 6579, FDA (Food and Drug Administration), AOAC (Association Official Analytical Chemists), BAM
เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
38 Detection of Salmonella in Faces (ISO 6579) faces: W eight 25g of food to 225ml of buffered peptone water.
0.1 ml
0.1 ml
.
10ml Tetrathionate Transfer 10ul
10ml RVSP. Broth loop / plate
XLD agar plates. XLD-T etra BGA agar plates. BGA-T etra
XLD agar plates. XLD-RVSP
37 O C 18 - 24 hr.
BGA agar plates. 37 O C 18 - 24 hr.
BGA-RVSP
Biochemical Tests
Streak on
TSI LIM
Nutrient agar (NA)
O-antigens
H-antigens
เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
39 Detection of Salmonella in Faces (Modified) faces: W eight 25g of food to 225ml of buffered peptone water.
Transfer 10ul loop / plate 0.1 ml
0.1 ml
.
10ml Tetrathionate Transfer 10ul
10ml RVSP. Broth
BGA agar plates. BGA-T etra MSRV agar plates.
42O C 18 - 24 hr.
loop / plate
XLD agar plates. XLD-T etra
MSRV agar plates.
XLD agar plates. XLD-RVSP
37O C 18 - 24 hr.
BGA agar plates. 37O C 18 - 24 hr.
BGA-RVSP
MSRV agar plates. MSRV-RVSP
42O C 18 - 24 hr.
MSRV-RVSP
Biochemical Tests
Streak on
TSI LIM
Nutrient agar (NA)
O-antigens
H-antigens
เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
40 D e te c tio n o f S a lm o n e lla in F o o d (IS O 6 5 7 9 ) Food W eight 25g o f foo d to 2 25m l of buffer ed pe pton e w ater.
0.1 m l
0.1 m l
.
10m l T etrathionat e T rans fer 10u l
10m l R VS P . B roth loop / pla te
XLD ag ar plates . XLD -T etra B G A agar p lates . B G A-T etra
XLD ag ar plates . XLD -R VS P
3 7 O C 1 8 - 24 hr .
B G A agar p lates . 3 7 O C 1 8 - 24 hr .
B G A-R VS P
B io c h e m ic a l T e s ts
S tre a k o n
T S I L IM
N u trie n t a g a r (N A )
O -a n tig e n s
H -a n tig e n s
เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
41 D e te ct io n o f S alm o n e l la in F oo d ( M o d if y) Food W e ig h t 2 5 g o f fo o d to 2 2 5 m l o f b u ffe re d p e p to n e w a te r.
T ra n s fe r 1 0 u l lo o p / p la te 0 .1 m l
0 .1 m l
.
1 0 m l T e tra th io n a te T ra n s fe r 1 0 u l
1 0 m l R VS P . B ro th
B G A a g a r p la te s . B G A-T e tra M SR V agar p la te s .
4 2 O C 1 8 - 2 4 hr .
lo op / p la te
XL D a g a r p la te s . XL D -T e tra
M S R V a g a r p la te s .
XL D a g a r p la te s . XL D -R VS P
3 7 O C 1 8 - 2 4 hr .
B G A a g a r p la te s . 3 7 O C 1 8 - 2 4 hr .
B G A-R VS P
M S R V a g a r p la te s . M S R V-R VS P
4 2 O C 1 8 - 2 4 hr .
M S R V-R VS P
B io c h e m ic a l T es ts
S tr e a k on
T S I L IM
N u tr ie n t a g a r (N A )
O -an t ige n s
H -an t ige n s
เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
42
FDA / AOAC BAM Salmonella Isolation Procedure Weight 25g of portions to 225ml of pre enrichment medium 24 –+ 2 h, 37 O C 1 ml
10 ml TT Broth 24 –+ 2 h, 37 O C
10 ml
10 ml
10 ml RV Broth 100 ml SC Broth 18 – 24 h, 37 O C 18 – 24 h, 42 O C
Bismuth Sulphite Agar Xylose lysine desoxycholate Agar Hektoen Entric Aagr
Biochemical Confirmation ( 2 or more colonies from each agar plate )
24 –+ 2 h, 37 O C
Streak on Nutrient agar (NA)
เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
43
BSI / ISO Salmonella Isolation Procedure
Weight 25g of portions to 225ml of pre enrichment medium 16 20 h, 37 O C 0.1 ml 10 ml RV Broth 18 24 h, 42 O C
Brilliant Green Agar
Other solid selective medium
10 ml 100 ml SC Broth 18 24 h, 37 O C
24 h, 35 37 O C
24 h, 35 37 O C Streak on
Biochemical Confirmation ( 5 colonies from each agar plate ) Nutrient agar (NA)
เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
44 การทํางานของ WHO National Salmonella and Shigella Center การเฝาระวังและติดตามหาความชุกของโรค Salmonellosis โดยไดรับเชื้อจากโรง พยาบาล และหนวยสาธารณสุขตาง ๆ ใหความสนใจหาซีโรวารในประเทศไทย เพื่อสํารวจ หาการระบาด และดําเนินการควบคุม NSSC ไดดํ าเนินการทดลองหาวิธีการตรวจเชื้อ Salmonella ดวยเทคนิคอื่น ๆ ใหงายยิ่งขึ้น เอกสารอางอิง พนิดา ชัยเนตร, ศุภวรรณ บุญสอง, อรุณ บางตระกลูนนท, ดํารง เชี่ยวศิลป. 2531. ซาลโม เนลโลลิสในประเทศไทย : จุลชีววิทยาและระบาดวิทยา. รามาธิบดีเวชสาร ปที่ 11 ฉบับที่ 4 หนา 233 –245 อรุณ บางตระกูลนนท 2541. การตรวจวินิจฉัยและตรวจยืนยันเชื้อ Non – Typhoidal Salmonella (NTS) การสัมมนาระดับชาติเพื่อกําหนดแนวทางการแกไขปญหา Non – Typhoidal Salmonellosis ในประเทศไทย ครั้งที่ 2 วันที่ 24 – 25 ธันวาคม 2541 ณ อาคาร 60 ป คณะสัตวแพทยศาสตร จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย อรุณ บางตระกูลนนท, ศรีรัตน พรเรืองวงศ, สุมณฑา วัฒนสินธุ และคณะ. 2545. การ สํารวจเชื้อโรคอาหารเปนพิษในอุจจาระของพนักงานในโรงงานผลิตอาหารแชแข็ง. นําเสนอในการประชุมวิชาการครั้งที่ 4 มหาวิทยาลัยแมโจ วันที่ 2 – 3 ธันวาคม 2545 ณ ศูนยการศึกษาและฝกอบรมนานาชาติ มหาวิทยาลัยแมโจ จังหวัดเชียงใหม Archer, D.L. and F. Young. 1988. W Contemporary issues : Diseases with a food vector. Clinical. Association Official Analytical Chemists. 2000. AOAC Official Method 999.08 Assurance® Gold Salmonella EIA for Visual or Instrumental Identification of Motile and Non – motile Salmonella in all foods. AOAC International 2000. Bergey’s Manual of Systematic Bacteriology. 1984. N.R. Krieg and J.C. Holt (editors). Baltimore : Williams and Wilkins. Brenner, D.T. 1984. Facultatively anaerobic gram-negetive rods. In : Bergery’s Manual of Systematic Bacteriology (vol. 1) N.R. Krieg and J.C. Holt (editors). Baltimore : Williams and Wilkins. pp. 408 – 516.
เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
45 Cherry, W.B., B.M. Thomason, J.B., Gladden, N. Holsing and A.M. Murlin. 1975. Detection of Salmonellae in foodstuffs, faeces and water by immunofluorescence. Ann. New York Academy of Science. 254: 350 – 68. Chung, K.C. and J.M. Goepfert. 1970. Growth of Salmonella at low pH. J.Food Sci. 35: 326 – 328. D’Aoust, J.Y. 1991. Psychrotrophy and foodborne Salmonella. Int. Food Microbiol. 12: 207 – 16. Ewing, W.H. 1986. The Taxonomy of Enterobacteriaceae, Isolation of Enterobacteriaceae and Preliminary indentification. The genus Salmonella. In : Edwards, p. and W.H. Ewing (editors). Identification of Enterobacteriaceae. 4th ed. New York : Elsevier. Pp. 1-91, 181 – 318. Fitts, R., M. Diamond, C. Hamilton and M. Neri. 1983. DNA – DNA hybridization assay for detection of Salmonella spp. In foods. Appl. And Environ. Microbiol. 46: 1146 – 51. Flowers, R.S., K. Eckner, D.A. Gabis, B.J. Robison, J.A. Mattingly and J.H. Silliker. 1986a. Enzyme immunoassay for detection of Salmonella in foods : Collaborative study. J. Assoc. Official Analytical Chemists. 69: 786 – 98. Flowers, R.S., K. Eckner, D.A. Gabis, B.J. Robison, J.A. Mattingly and J.H. Silliker. 1986b A DNA hybridization assay for the detection of Salmonella in foods : Collaborative study. J. Assoc. Official Analytical Chemists. 70: 521 – 9. http://www.hhmi.org/biointeractive/animations/salmonella/sal_print.htm http://www.cdc.gov/ncidod/dbmd/diseaseinfo/salmonellosis_g.htm http://www.info.gov.hk/fehd/safefood/library/salmonella/salmonella1.html Insalata, N.E. and R.A. Chordash. 1984. Flurescent antibody detection of Salmonellae. In : Speck, M.L. (editor), 2nd edtion. Compendium of Methods for the Microbiological Examination of Foods. Washington DC. American Public Health Association: 327 – 42. International Commission on Microbiological Specifications for Foods (ICMSF). 1978. Microorganisms in Foods I : Their Significance and Methods of Enumeration. (2nd ed.), Toronto: Univ. of Toronto Press: 160 – 72. เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
46 International Commission on Microbiological Specifications for Foods (ICMSF). 1996. Salmonella Microorganisms in Foods 5. Blackie Academic & Professional. New York. Pp. 217 – 264 ISO 6579 :1993(E) 3rd ed. Microbiology – General guidance on method for the detection of Salmonella Jay, J.M. 1996. Chapter 23 : Foodborne Gastroenteritis Caused by Salmonella and Shigella. In: Modern Food Microbiology. 5th edition. Chapman & Hall (International Thomson Publishing) Singapore. Koo, F.C.W. and J.W. Peterson. 1983. Cell-free extracts of Salmonella inhibit protein synthesis and cause cytotoxicity in enkaryotic cells. Toxicon. 21:309 – 320. Koo, F.C.W., J.W. Peterson, C.W. Houston and N.C. Molina. 1984. Pathogenesis of experimental Salmonellosis: Inhibition of protein synthesis by cytotoxin. Infec. Immun. 43: 93 – 100. Koupal, L.P. and R.H. Diebel. 1975. Assay characterization, and localization of an enterotoxin produced by Salmonella. Infect. Immun. 11: 14 – 22. La Roche, R.N., V. Desai, B. Friedman and B. Swaminathan. 1981. Field evaluation of the membrane filter-disc immuno-immobilization technique in the detection of Salmonellae in egg products. Poultry Sci. 60: 2265 – 9. Mattingly, J.A. and W.D. Gehle. 1984. An improved enzyme immunoassay for the detection of Salmonella. J. Food Sci. 49: 807 – 9. Michel Y. Popoff. 1997 Antigenic formulas of the Salmonella serovars, 7th edition. WHO Collaborating Center for Reference and Research on Salmonella. Institut Pasteur, Paris, France Michel Y. Popoff. 2001 Antigenic formulas of the Salmonella serovars, 8th edition. WHO Collaborating Center for Reference and Research on Salmonella. Institut Pasteur, Paris, France Minnich, S.A., P.A. Hartman and R.C. Heimsch. 1982. Enzyme immunoassay for detection of Salmonellae in foods. Appl. Environ. Microbiol. 43: 877 – 83. NMKL method no 71,2nd ed., 1999: Salmonella. Detection in food. Nordic committee on เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร
47 food analysis. Post, D.E. Food – borne pathogens monograph number 1 Salmonella. Oxid. Smith, J.L., S.A. Palumbo and I. Walls. 1993. Relationships between foodborne bacteria pathogens and reactive arthritides. J. Food Safety. 13:209 – 236. Sperber, W.H. and R.H. Diebel. 1969. Accelerated procedure for Salmonella detection in dried foods and feeds involving only broth cultures and serological reaction. Appl. Microbiol. 17:533 – 9. Thomson, J.E., N.A. Cox, J.S. Bailey and M.N. Islam. 1981. Minimizing Salmonella contamination on broiler carcasses with polyhexamethylenebiguanide hydrochloride. J. Food Protect. 44:440 Vassiliadis, P. 1983. The Rappaport-Vassiliadis (RV) enrichment medium for the isolation of Salmonellae. an overview. J. Appl. Bacteriol. 54: 69 – 76. Welkos, S., M. Schreiber and H. Bare. 1974. Identification of Salmonella with the O-1 bacteriophage. Appl. Microbiol. 28: 618 – 22.
เรียบเรียงโดย อรุณ บางตระกูลนนท1, สุมณฑา วัฒนสินธุ2 และชัยวัฒน พูลศรีกาญจน1 1 WHO National Salmonella and Shigella Center, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตรสาธารณสุข นนทบุรี 2 ภาควิชาวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีการอาหาร คณะวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ม.ธรรมศาสตร